เกาะอาดัง อ.เมือง จ.สตูล (ดูภาพด้านล่าง)
หลังจากเถลไถลอยู่บนเกาะตะรุเตาเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ก็ได้ฤกษ์ที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) จะขยับเขยื้อนเคลื่อนสรรพางค์กายย้ายมาหลับนอนบน “เกาะอาดัง” กันบ้าง พวกเราโดยสารเรือเร็วออกจากท่าเทียบเรือปากคลองพันเตมะละกาบนเกาะตะรุเตาในเวลา 13.20 น. แล้วแวะไปชมทิวทัศน์ของ “ซุ้มรักนิรันดร” บน “เกาะไข่” ชั่วขณะสั้นๆ (หลังจากนี้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมจะเหมาเรือหางยาวย้อนกลับมาดำน้ำตื้น ณ เกาะไข่อีกครั้ง คุณสามารถชมภาพถ่ายและอ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ “เกาะไข่” ได้โดยการ Click link ภายในตาราง “เกาะสำคัญแห่งอื่นๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา” ซึ่งวางอยู่ท้ายบทความชิ้นนี้ครับ) หลังจากนั้นเรือเร็วจึงพาพวกเรามาส่งบริเวณชายหาดด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอาดังในเวลา 14.15 น.
|
.........................ทะเลใสๆ ที่ไร้ซึ่งผู้คน.........................
|
|
ยลความงดงาม "เกาะอาดัง" ในยามสาย
|
“เกาะอาดัง” เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาที่ ตต. 5 (แหลมสน) บนเกาะไม่มีที่พักของเอกชนเปิดให้บริการจะมีก็แต่เพียงบ้านพักของอุทยานแห่งชาติและจุดกางเต็นท์ซึ่งเปิดไฟฟ้าให้ใช้เฉพาะช่วงเวลา 18.00 – 24.00 น.เท่านั้น นักท่องเที่ยวที่ยังคงยึดติดอยู่กับความสะดวกสบายส่วนใหญ่จึงเลือกเดินทางไปพักค้างแรมบน “เกาะหลีเป๊ะ” แทนที่จะทนแกร่วอยู่บนเกาะอาดังอันสงบงามแห่งนี้
|
เรือไม้ในเกลียวคลื่น กับ รากไม้ในน้ำ
|
ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมใช้เวลายื่นหลักฐานในการเข้าพักแรม รับกุญแจห้อง และขนสัมภาระไปจัดวางจนเรียบร้อยประมาณ 1 ชม.แล้วจึงเริ่มต้นออกสำรวจตรวจตราพื้นที่โดยรอบ.....ต่อไปนี้คือข้อมูลจุดน่าสนใจต่างๆ ของเกาะอาดังซึ่งพวกเราได้ค้นพบ
|
.........................ดุจดั่งมรกต.........................
|
เล่นน้ำทะเลใสสีมรกต..ยลปะการังหน้าชายหาด..โชว์ลีลาพะยูนอาละวาดได้แบบไม่ต้องอายใคร
ทางด้านทิศตะวันออกของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาที่ ตต. 5 (แหลมสน) ของเกาะอาดังเป็นชายหาดยาวประมาณ 200 เมตร มีหาดทรายสีขาวเนื้อเนียนแน่น น้ำทะเลเป็นสีเขียวใสราวกับมรกต ในช่วงเวลาที่คลื่นลมสงบจะสามารถมองเห็นแนวปะการังซึ่งซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนน้ำด้านหน้าชายหาดได้อย่างชัดเจน ปะการังส่วนใหญ่ที่พบในบริเวณดังกล่าวนี้ ได้แก่ “ปะการังโขด” แต่ก็อาจพบเห็นปะการังชนิดอื่นๆ งอกแทรกตัวอยู่บ้าง ในแนวปะการังเหล่านี้มีปลาเล็กปลาน้อยทั้ง ปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง , ปลานกแก้ว , ปลาขี้ตังเป็ด , ฯลฯ แหวกว่ายอยู่รายรอบ อีกทั้งยังสามารถพบเห็น “ดาวทะเล” ทั้งสีขาว , สีฟ้า , สีเหลือง ซึ่งเกาะอยู่เป็นหย่อมๆ ตามโขดหินปะการังได้อีกด้วย (การลงดำน้ำตื้นในบริเวณนี้ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควร เนื่องจากมี “เม่นทะเล” กระจายตัวอยู่เป็นกระจุกๆ ใต้น้ำด้วยครับ) นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อขอเช่าเสื้อชูชีพและหน้ากากดำน้ำจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯ แล้วว่ายน้ำออกมาจากชายหาดเพียงแค่ไม่เกิน 20 เมตรก็สามารถพบเห็นแนวปะการังได้แล้ว
|
.........................ภาพถ่ายหลากหลายมุมมอง.........................
|
|
บรรยากาศของ "หาดเกาะอาดัง"
|
ผู้มาเยือนส่วนใหญ่มักจะเรียกชายหาดด้านทิศตะวันออกของหน่วยพิทักษ์ฯ นี้ว่า “หาดหน้า” , “หาดตะวันออก” หรือไม่ก็ “หาดเกาะอาดัง” และดังที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่มากนักที่เลือกพักค้างแรมบนเกาะอาดัง คุณจึงสามารถแหวกว่ายร่ายลีลากลางท้องทะเลได้อย่างค่อนข้างอิสระโดยไม่ต้องไปเบียดเสียดยัดเยียดกับฝูงชนที่ไหนถึงแม้ว่าจะเป็นในช่วงวันหยุดยาวตามเทศกาลต่างๆ ก็ตาม ใครที่มีเรือนร่างละม้ายคล้ายห่วงยางแล้วอยากจะดำผุดดำว่ายด้วยท่วงท่าอย่างพะยูนอาละวาดก็ไม่ต้องกังวล เพราะหาดเกาะอาดังซึ่งยาวไกลมีจุดว่ายน้ำห่างไกลสายตาผู้คนให้ลงเล่นได้อยู่หลายตำแหน่ง แต่ต้องระมัดระวังหากว่ายน้ำไม่แข็งแล้วจมมหาสมุทรไปก็จะไม่มีใครตามมาช่วยได้ทันด้วยนะคร้าบ.....บ....บ...บ.บ..........
|
จาก "หาดเกาะอาดัง"..........มองเห็น "เกาะหลีเป๊ะ" อยู่ใกล้ ๆ
|
อบอุ่นหัวใจในยามเย็น.....เมื่อได้มาเห็นพระอาทิตย์ตกหน้าแหลมสน
บริเวณหาดเกาะอาดังมีต้นสนขึ้นเรียงรายเป็นแถวเป็นแนวยาวจากทิศตะวันออกเรื่อยไปจนจรดกับแหลมทรายทางด้านทิศใต้ของเกาะ และด้วยเหตุผลที่มีต้นสนจำนวนมากมายขึ้นอยู่ ณ ปลายแหลมทางด้านทิศใต้นี่เอง คนท้องถิ่นจึงเรียกแหลมทรายแห่งนี้ว่า “แหลมสน”
|
.........................ธรรมชาติ และ ชีวิต.........................
|
เนื่องจากแหลมสนเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับหาดเกาะอาดังจึงทำให้ความสวยงามของหาดทรายและความใสของน้ำทะเลในบริเวณทั้งสองแห่งนี้ไม่หนีห่างกันสักเท่าไหร่นัก แต่ความแตกต่างสำคัญระหว่าง “แหลมสน” กับ “หาดเกาะอาดัง” ก็คือ แหลมสนเป็นพื้นที่ที่สามารถชมได้ทั้งพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ในขณะที่หาดเกาะอาดังสามารถชมได้แค่พระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น
|
เรือ.....คนหาปลา.....สัญลักษณ์ทางศาสนา ?.....ในสนธยา ณ เกาะอาดัง
|
พออ่านมาถึงตรงนี้หลายๆ คนอาจจะเริ่มสงสัยว่า.....เอ๊ะ !?.....แหลมสนตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของเกาะอาดัง แล้วไฉนจึงกลายเป็นทั้งจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและจุดชมพระอาทิตย์ตกไปได้ล่ะนี่ ? (โดยปกติพื้นที่ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นควรจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ขณะที่จุดชมพระอาทิตย์ตกก็ควรจะหันหน้าไปทางทิศตะวันตกครับ) คำเฉลยก็คือ แหลมสนเป็นแหลมทรายซึ่งมีพื้นที่บางส่วนยื่นยาวลงไปในท้องทะเลทางด้านทิศใต้ของเกาะอาดังมากกว่าพื้นที่ส่วนอื่นๆ เมื่อเราไปยืนอยู่บริเวณปลายแหลมแล้วหันหน้าไปทางทิศตะวันออกหรือทิศตะวันตกก็จะพบว่าไม่มีภูมิประเทศส่วนอื่นใดเลยของเกาะอาดังที่เข้ามาบดบังการมองเห็นเส้นขอบฟ้า ทำให้สามารถสังเกตพระอาทิตย์ขึ้นหรือพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจน
|
ท้องทะเลกว้างไกล.....ฟ้าสวยใสสุดสายตา
|
เวลา 16.20 น. อีกประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าก่อนที่จะถึงยามย่ำสนธยาเพลาอาทิตย์อัสดง ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมตัดสินใจเดินขึ้นสู่จุดชมทิวทัศน์ “ผาชะโด” เพื่อเก็บภาพถ่ายของ “เกาะหลีเป๊ะ” จากมุมสูง แล้วจึงย้อนกลับลงมายังแหลมสนใกล้ๆ เวลา 17.45 น. ณ ขณะที่ดวงอาทิตย์ค่อยๆ คล้อยลงต่ำ นักท่องเที่ยวซึ่งเลือกพักค้างแรมบนเกาะอาดังเริ่มทยอยมารวมตัวกันเพื่อเฝ้ารอโมงยามแห่งความประทับใจที่กำลังจะเกิดขึ้น แสงแดดจ้าสีขาวอมส้มซึ่งฉาบทาผืนนภาสีฟ้าเรื่อแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง และกลายเป็นสีแสดจางๆ พร้อมๆ กันกับที่ดวงตะวันเคลื่อนลดระดับลงสู่ผิวน้ำ บรรยากาศของห้วงแห่งความสุขเล็กๆ ปรากฏขึ้น..........ตั้งอยู่..........แล้วดับไปคล้ายจะบ่งบอกเป็นนัยถึงสัจธรรมแห่งทุกสรรพสิ่ง คงเหลือเพียงแค่ภาพถ่ายซึ่งถูกบันทึกเอาไว้ที่จะช่วยให้หัวใจหวนย้อนรำลึกได้ถึงความอบอุ่นละมุนละไม.....ยามเมื่อเวลาผ่านไกลและหลากหลายสิ่งเริ่มลบเลือน
|
ภาพ "เกาะหลีเป๊ะ" จากจุดชมทิวทัศน์ "ผาชะโด" แห่งที่ 2
|
|
.........................ณ ผาชะโด เกาะอาดัง จ.สตูล.........................
|
.....ดวงอาทิตย์จากไปแล้ว..... ถึงเวลาที่พวกเราต้องกลับไปรับประทานอาหารค่ำ อาบน้ำ แปรงฟัน และเตรียมตัวเข้านอนก่อนที่ไฟฟ้าจะถูกตัดในเวลา 24.00 น.
ตามรอยโจรสลัด.....บันทึกภาพเกาะหลีเป๊ะจากมุมสูง ณ จุดชมทิวทัศน์ผาชะโด
ย้อนเวลากลับไปประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนพระอาทิตย์ตก ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมตัดสินใจที่จะใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งยังพอมีเหลืออยู่นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยการเลือกเดินเท้าขึ้นสู่ “ผาชะโด” จุดชมทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา “ภาพเกาะหลีเป๊ะทั้งเกาะจากมุมสูง” คือ สิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ซึ่งเดินทางมายังเกาะอาดังตัดสินใจตะเกียกตะกายฟันฝ่าเส้นทางอันสูงชันขึ้นสู่จุดชมทิวทัศน์แห่งนี้ ( “ผาชะโด” เป็นจุดชมทิวทัศน์เพียงแห่งเดียวในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาที่สามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะทั้งเกาะได้จากมุมสูงครับ)
|
มุมมองจากจุดชมทิวทัศน์ "ผาชะโด" แห่งที่ 3
|
“จุดชมทิวทัศน์ผาชะโด” ประกอบไปด้วยจุดชมทิวทัศน์ย่อยๆ ทั้งหมด 3 แห่ง จุดชมทิวทัศน์ผาชะโดแห่งที่ 1 อยู่ห่างจากปากทางขึ้นประมาณ 350 เมตร (ทางขึ้นสู่จุดชมทิวทัศน์ผาชะโดตั้งอยู่ทิศตะวันออกของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บริเวณปากทางขึ้นมีป้ายบอกทางเล็กๆ ปักไว้ให้เห็นพอเป็นจุดสังเกต หากคุณหาทางขึ้นสู่จุดชมทิวทัศน์ไม่เจอแนะนำให้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยพิทักษ์ฯ อีกครั้ง) จากจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 1 นักท่องเที่ยวจะสามารถมองเห็นแนวทรายบางส่วนของหาดเกาะอาดัง , เกาะตารัง , หินขาว (เกาะบงกัง) , เกาะกระ , เกาะทองหลาง (เกาะอุเสน) และบางส่วนของเกาะหลีเป๊ะฝั่งตะวันออกได้ (ณ จุดชมทิวทัศน์ผาชะโดแห่งที่ 1 นี้จะยังไม่สามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะทั้งเกาะได้ครับ)
เส้นทางเดินเท้าขึ้นสู่ผาชะโดเป็นทางดินที่ค่อนข้างชัน บางช่วงต้องปีนป่ายก้อนหินเตี้ยๆ แต่ก็เป็นเส้นทางซึ่งไม่ได้ยากลำบากจนถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงแก่ผู้ซึ่งใช้ความระมัดระวังในการเดินทางเป็นอย่างดีได้ อย่างไรก็ตาม.....กว่าที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมจะตะเกียกตะกายมาถึงจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 1 นี้ พวกเราก็หอบลิ้นห้อยราวกับสุนัขกระหายน้ำไปตามๆ กัน หลังจากพักเหนื่อย ดื่มน้ำ และถ่ายรูปอยู่ชั่วขณะสั้นๆ พวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยังจุดชมทิวทัศน์ผาชะโดแห่งที่ 2 ซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกเพียงแค่ 150 เมตรทันที
|
ยามเช้าที่ "หาดเกาะอาดัง"
|
|
.........................พลังแ่ห่งรุ่งอรุณ.........................
|
จุดชมทิวทัศน์ผาชะโดแห่งที่ 2 ถือได้ว่าเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มีความงดงามมากที่สุดในบรรดาจุดชมทิวทัศน์ย่อยทั้ง 3 แห่ง ถึงแม้ว่าจะต้องเสียแรงกาย แรงใจ และเสียเหงื่ออีกเล็กน้อยเพื่อเดินต่อมาจากจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 1 แต่ “ภาพของเกาะหลีเป๊ะจากมุมสูงแบบเต็มๆ เกาะ” ที่สามารถหาชมได้เฉพาะจากจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 2 แห่งนี้เท่านั้น ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าพอจะทำให้พวกเราอดทนดั้นด้นมาจนถึง
ลักษณะของเกาะหลีเป๊ะเมื่อมองจากจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 2 นี้จะมีความคล้ายคลึงกับ “บูมเมอแรง (boomerang)” ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ
หากเดินขึ้นเขาต่อจากจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 2 ไปอีกประมาณ 200 เมตร คุณจะได้พบกับจุดชมทิวทัศน์ผาชะโดแห่งที่ 3 ซึ่งไม่ได้มีความสวยงามมากไปกว่าจุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 2 เลยแม้แต่น้อย กรณีที่คุณอยากรู้สึกถึงความลำบากเพิ่มขึ้นอีกสักนิด.....เหนื่อยล้าคล้ายใกล้สิ้นชีวิตมากขึ้นอีกสักหน่อยก็ลองเดินขึ้นมาดูได้ สิ่งที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็น ณ จุดชมทิวทัศน์แห่งที่ 3 นี้ก็คือ บางส่วนของเกาะหลีเป๊ะฝั่งตะวันออก (ไม่สามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะทั้งเกาะได้ครับ) , เกาะตารัง , หินขาว , เกาะกระ , เกาะทองหลาง , แนวหาดทรายด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะอาดัง และบางส่วนของแหลมสน (สามารถมองเห็นหาดทรายบริเวณส่วนปลายแหลมสนได้ชัดเจนกว่าจุดชมทิวทัศน์ย่อย 2 แห่งแรก)
|
.........................ทะเลกว้างกลางแสงและเงา.........................
|
ในอดีตเกาะอาดังเคยเป็นแหล่งซ่องสุมของโจรสลัดเช่นเดียวกันกับเกาะตะรุเตา และผาชะโดแห่งนี้เองที่ถูกใช้เป็นจุดสังเกตการณ์ของกลุ่มโจรสลัดเพื่อกำหนดจังหวะในการเข้าโจมตีเรือสินค้า แต่ปัจจุบันผาชะโดได้กลายไปเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่มีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาเรียบร้อยแล้ว
.....เมื่อเสร็จจากการบันทึกภาพทิวทัศน์ต่างๆ บนผาชะโด พวกเราก็รีบเดินย้อนกลับลงมายังแหลมสนเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกเป็นการปิดท้ายโปรแกรมท่องเที่ยวประจำวันนี้.....
ตื่นเช้ามาดูพระอาทิตย์ขึ้นหน้าหาดเกาะอาดัง.....เติมพลังความสดใสในแสงแรกของวันใหม่
เวลา 05.45 น. เสียงนาฬิการ้องปลุกให้พวกเราฟื้นตื่นขึ้นมาเตรียมตัวรับวันใหม่ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอ้าว (เนื่องจากกระแสไฟฟ้าถูกตัดไปตั้งแต่เวลา 24.00 น.ทำให้พัดลมภายในห้องไม่สามารถใช้งานได้) พวกเรารีบล้างหน้าล้างตาแล้วคว้ากล้องวิ่งไปยังหาดเกาะอาดังเพื่อให้ทันถ่ายภาพแสงแรกยามที่ดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่พ้นขึ้นมาจากเส้นขอบฟ้า ถึงแม้ว่าปลายแหลมสนจะสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เช่นเดียวกัน แต่พวกเราก็เลือกที่จะรอถ่ายภาพอยู่บริเวณหาดเกาะอาดังที่สามารถมองหามุมดีๆ ได้หลากหลายกว่า
|
.........................สีสัน.........................
|
|
.........................วันใหม่.........................
|
ระหว่างที่แสงสีบนฟากฟ้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนจากแสดแดงไปเป็นส้มและขาวเจิดจ้า ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมก็เดินเลาะเลียบชายหาดไปเรื่อยๆ .....วันนี้เช้าพวกเรามีเพื่อนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ มาร่วมสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์น้อยกว่าช่วงเย็นเมื่อวาน ด้วยเหตุที่บางคนอาจจะยังเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการว่ายน้ำหรือเดินขึ้นผาชะโด , บางคนก็ยังไม่มีความโรแมนติกในหัวใจมากพอจะแหวกขี้ตาเพื่อตื่นขึ้นมาลำบาก และบางคนก็อาจจะยังไม่สามารถบิดร่างกายคลายเส้นสลัดตัวขี้เกียจให้หลุดออกไปจากรูขุมขนได้.....จะอย่างไรก็แล้วแต่.....เช้านี้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมขอประกาศตัวยึดหาดเกาะอาดัง..........เ..เ...เ....เ.....เย้..........ก้อนหิน เกลียวคลื่น ใบสน สายลม และแสงตะวัน สิ่งธรรมดาๆ ซึ่งดำรงคงอยู่มาตลอดทุกๆ วัน เพียงแค่เราใส่ใจกับมันมากขึ้นสักนิดก็จะสามารถมองเห็นความงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ได้ และความสุขเล็กๆ ตามรายทางรอยเท้าที่ก้าวเดินก็ดูเหมือนจะเผยตัวออกมาให้พบเจอได้ง่ายกว่า.....เมื่อเราตั้งใจค้นหามัน
ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมค่อยๆ เดินสำรวจชายหาดเกาะอาดังตั้งแต่ปลายหาดด้านทิศใต้ไปจนจรดทิศเหนือกระทั่งแสงแดดเริ่มแผดแรง พอลองเหลือบตาลงดูนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลา 7.35 น.แล้ว สมควรแก่กาลที่พวกเราจะต้องกลับไปอาบน้ำ แปรงฟัน และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการออกไปดำน้ำตื้นบริเวณอ่าวสอง (ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของเกาะอาดัง) , เกาะยาง , เกาะราวี , ร่องน้ำจาบัง และเกาะหินงามในช่วงสาย แต่ขณะที่พวกเรากำลังเดินผ่านทิวสนกลับสู่บ้านพักนั่นเอง สายตาของทีมงานบางคนก็เหลือบไปเห็นหุ่นไล่กาประหลาด (?) กำลังยืนส่งยิ้มสวยราวกับจะเชิญชวนให้พวกเราถ่ายรูปกลับไปเป็นที่ระลึก
|
หุ่นไล่กาแบบชาวเล ? กับ เรือริมชายหาด
|
เจ้าหุ่นประหลาดตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยการนำเอาไม้ไผ่สองท่อนมามัดเป็นโครงรูปกางเขน ศีรษะประดิษฐ์ขึ้นจากกะลาประดับประดาด้วยเส้นผมจากขุยเปลือกมะพร้าว เขียนรูปหน้ายิ้มพิมพ์ใจแล้วเพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยกรอบแว่นที่คาดอยู่เหนือหน้าผาก มีการแขวนกระดาษรูปมือไว้ที่ปลายไม้ไผ่แนวระนาบทั้งสองด้านให้ดูคล้ายกับแขน แล้วนำเสื้อชูชีพและกางเกงชาวเลมาสวมทับโครงไม้เป็นช่วงลำตัว – ขา กลายเป็นหุ่นไล่กา (?) รูปลักษณ์พิกล สร้างความฉงนให้แก่ผู้พบเห็น
|
ความมืดมัว...............ลับเลือนหาย
|
|
.........................ที่ "หาดเกาะอาดัง" .........................
|
พวกเราลองพยายามมองหาผู้คนในละแวกใกล้เคียงเพื่อที่จะสอบถามถึงมูลเหตุในการสร้างหุ่นตัวดังกล่าวข้างต้น แต่ก็ดูเหมือนว่า ณ ขณะนี้ยังเช้าเกินกว่าที่จะหาใครมาช่วยไขข้อข้องใจให้ได้ พวกเราได้แต่เดาเอาเองต่างๆ นานาว่ามันอาจจะถูกสร้างขึ้นเพื่อขู่นกบางชนิดที่ชอบมาคุ้ยเขี่ยหาเศษวัสดุเหลือใช้จากกองขยะเพื่อนำไปเป็นสร้างส่วนประกอบของรังนก (พวกเราสังเกตเห็นว่าหุ่นตัวดังกล่าวข้างต้นถูกตั้งอยู่ใกล้ๆ กับกองขยะ จึงคิดว่าแนวความคิดนี้ก็มีความเป็นไปได้) หรือ หุ่นตัวนี้อาจถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ของหาดเกาะอาดังโดยไม่ได้มีเหตุผลพิเศษอื่นใดเลยก็เป็นได้
หลังจากพินิจพิจารณาหุ่นไล่กา (?) ที่น่าฉงนอยู่สักครู่จนเริ่มเบื่อ พวกเราก็เดินกลับบ้านพักเพื่อเตรียมตัวไปดำน้ำตื้น ณ อ่าวสองตามหมายกำหนดการที่ได้วางเอาไว้
|