เส้นทางรถไฟสายมรณะ & สวนไทรโยค รีสอร์ท
|
สถานีถ้ำกระแซ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี |
รับทันที !โปรโมชั่นกิจกรรมและห้องพักของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ราคาพิเศษ !
เฉพาะผู้ที่ติดต่อสำรองห้องพักและชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนล่วงหน้าตามเงื่อนไข
ผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือ Line ID ในกรอบทางด้านล่าง ตั้งแต่วันนี้ - 30 เม.ย. 64 เท่านั้น ! |
เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway) คือ เส้นทางรถไฟซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมาเนิ่นนานนับตั้งแต่สมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งซีกโลกเอเชียตะวันออก) ในฐานะของเส้นทางรถไฟซึ่งมีผู้เสียชีวิตระหว่างดำเนินการก่อสร้างมากถึงราว 41,000 คน จนมีคำกล่าวว่า 1 ไม้หมอนของเส้นทางรถไฟสายนี้เทียบได้กับ 1 ชีวิตของผู้คนที่ต้องล้มตายลงจากการก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม.....เมื่อกาลเวลาล่วงผ่านพ้นไป กลิ่นอายแห่งความโหดร้ายทารุณของประวัติศาสตร์ก็เริ่มจางคลาย และเส้นทางรถไฟสายมรณะแห่งนี้ก็ได้ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรีในปัจจุบัน
|
...............จากอดีตอันโหดร้ายกลับกลายสู่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังระดับโลก...............
|
|
...............เส้นทางรถไฟสายมรณะ สถานีถ้ำกระแซ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี...............
|
เส้นทางรถไฟสายมรณะ : สมญานามจากประวัติศาสตร์อันโหดร้ายในอดีต
หากจะย้อนรอยกลับไปยังจุดกำเนิดของ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway)” ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องกล่าวถึงเหตุการณ์ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝั่งซีกโลกเอเชียตะวันออก).....เมื่อเวลารุ่งเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 กองทัพญี่ปุ่นได้ปฏิบัติการยกพลขึ้นบกแบบสายฟ้าแลบตลอดแนวชายฝั่งอ่าวไทยนับตั้งแต่จังหวัดสมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา เรื่อยลงไปจนกระทั่งถึงจังหวัดปัตตานี นอกจากนั้นกองทัพญี่ปุ่นก็ยังได้นำกำลังพลบุกเข้ามาทางชายแดนฝั่งตะวันออก บริเวณด่านอรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี อีกด้วย
|
...............บนสะพานไม้ทางรถไฟซึ่งมีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย...............
|
|
..............................The Trail of Truth..............................
|
เหล่าบรรดาข้าราชการรวมไปถึงกลุ่มชาวบ้านตามท้องถิ่นต่างๆ ได้ร่วมกันสู้รบต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นที่ยกกำลังพลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างสุดกำลัง แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั่นเอง “จอมพล แปลก พิบูลสงคราม” ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดอยู่ ณ ขณะนั้นก็ได้ออกคำสั่งให้หน่วยงานทุกภาคส่วนของทุกจังหวัดยุติการต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากทางรัฐบาลไทยได้ลงนามในข้อตกลงยินยอมอนุญาตให้กองทัพญี่ปุ่นเดินทางผ่านประเทศไทยไปสู่ประเทศพม่าและคาบสมุทรมลายูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
|
ใครพักอยู่ที่ สวนไทรโยค รีสอร์ท แล้วอยากจะถ่ายภาพ
การเดินบิณฑบาตบน เส้นทางรถไฟสายมรณะ ก็ต้องรีบตื่นกันหน่อยนะ !
|
|
...............วัตรปฏิบัติของเหล่าผู้แสวงหาสัจธรรม...............
|
ต่อมาในวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2484 “จอมพล แปลก พิบูลสงคราม” นายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของประเทศไทยได้ลงนามในสนธิสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรกับทางรัฐบาลญี่ปุ่น ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยทางรัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรต่อทางรัฐบาลไทยว่าจะเคารพต่อเอกราช อธิปไตย และเกียรติยศของประเทศไทย.....จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เองจึงนำไปสู่การประกาศสงครามระหว่างรัฐบาลไทยกับฝ่ายสัมพันธมิตร (ฝ่ายสัมพันธมิตรนำโดยประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอังกฤษ) เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485
|
ดูๆ ไปก็ไม่น่าเชื่อว่าเส้นทางรถไฟสายนี้เคยมีผู้เสียชีวิตนับหมื่นระหว่างการก่อสร้าง
|
|
...................................ธรรมยาตรา...................................
|
ช่วงขวบปีแรกของสงคราม.....กองทัพญี่ปุ่นประสบกับชัยชนะในทุกๆ สมรภูมิเนื่องจากได้วางแผนตระเตรียมความพร้อมเอาไว้ล่วงหน้าเป็นระยะเวลานานนับปีโดยการส่งทหารสายลับแฝงตัวเข้าไปยังประเทศเป้าหมายต่างๆ (รวมถึงประเทศไทยด้วย) ทหารสายลับเหล่านี้จะเข้ามาตั้งรกรากทำมาหากิน เรียนรู้ภาษาท้องถิ่น บางคนก็แต่งงานมีภรรยามีบุตรธิดากับคนในประเทศนั้นๆ แต่ในขณะเดียวกันก็จะทำการสำรวจลักษณะภูมิประเทศ ช่องทางการคมนาคม รวมถึงที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของหน่วยงานสำคัญต่างๆ แล้วจึงรายงานข้อมูลดังกล่าวกลับไปยังกองทัพญี่ปุ่น การปฏิบัติภารกิจของทหารกลุ่มนี้ถือเป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่เหล่าบรรดาภรรยาและบุตรธิดาซึ่งเป็นคนท้องถิ่นในประเทศเป้าหมายก็ไม่เคยล่วงรู้มาก่อน
|
...................................ดอกไม้เมินหน้า...................................
|
|
.........................ความอ่อนไหว บน เส้นทางรถไฟสายมรณะ.........................
|
ครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2485 การขนส่งสัมภาระและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ทางทะเลระหว่างหัวเมืองในแถบคาบสมุทรมลายูซึ่งอยู่ภายใต้อาณัติของกองทัพญี่ปุ่น (อาทิเช่น มะละกา สิงคโปร์ เป็นต้น) กับประเทศพม่าเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากฝ่ายสัมพันธมิตรได้ใช้เรือดำน้ำและการโจมตีทางอากาศสกัดกั้นการขนส่งดังกล่าว กอปรกับการขนส่งทางรถยนต์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศพม่าในสมัยนั้นก็มีข้อจำกัดคือสามารถใช้เส้นทางได้เพียงแค่บางช่วงฤดูกาล (ไม่สามารถใช้เส้นทางได้ตลอดทั้งปี) ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ทางกองทัพญี่ปุ่นมีแนวความคิดที่จะก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” ขึ้น
|
.........................................ดำเนินสติ.........................................
|
|
...................................Spirit of Asia...................................
|
“เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” หรือที่รู้จักกันภายหลังในชื่อ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway)” เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ทางการทหาร ถูกวางแผนสร้างขึ้นเพื่อขยายฐานอำนาจของกองทัพญี่ปุ่นเข้าไปยังประเทศพม่าและประเทศอินเดีย โดยมีจุดเริ่มต้นแยกจากเส้นทางรถไฟสายดั้งเดิมของประเทศไทยบริเวณ “สถานีรถไฟหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี” วิ่งขนาบตามลำน้ำแม่กลองตรงเข้าสู่ จ.กาญจนบุรี แล้วตัดขึ้นเหนือข้ามแม่น้ำแควใหญ่บริเวณ ต.ท่ามะขาม เลียบเลาะตามแนวลำน้ำแควน้อยผ่านป่ารกชัฏ ขุนเขา หน้าผาสูงชันไปจนสุดเขตแดนประเทศไทยที่ด่านเจดีย์สามองค์ จากนั้นจึงวิ่งต่อไปจนถึง “สถานีธันบีอูซายัต” ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองมะละแหม่งกับเมืองยีในประเทศพม่า รวมเป็นระยะทางทั้งสิ้นราว 400 กม. (“เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” นี้ตั้งอยู่ในเขตประเทศไทยประมาณ 300 กม.และตั้งอยู่ในเขตประเทศพม่าอีกราว 100 กม.)
|
.........................โค้งสะพานมรณะ : The Deadly Curved Bridge.........................
|
|
.........................นานมาแล้ว สถานที่แห่งนี้เคยมีสงคราม.........................
|
การก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” เริ่มต้นขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2485 โดยทางกองทัพญี่ปุ่นได้ใช้วิธีบังคับเกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่จับได้ในระหว่างการทำสงครามมาเป็นแรงงานก่อสร้าง (เชลยศึกส่วนใหญ่ที่ถูกส่งตัวมายังประเทศไทยและประเทศพม่าเพื่อใช้ก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” สามารถแบ่งแยกโดยประมาณได้เป็นเชลยศึกสัญชาติอังกฤษ 30,000 คน ฮอลันดา 18,000 คน ออสเตรเลีย 13,000 คน และสหรัฐอเมริกา 700 คน) นอกจากนี้ทางกองทัพญี่ปุ่นก็ยังได้ว่าจ้างกรรมกรเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก (ส่วนมากเป็นกรรมกรชาวจีนอพยพซึ่งถูกเกณฑ์มาจากจังหวัดใกล้เคียง แต่ก็มีกรรมกรชาวมลายู ชวา อินเดีย พม่า ไทยที่สมัครใจมารับจ้างเองปะปนอยู่บ้าง)
|
...................................สำรวมกาย วาจา ใจ...................................
|
|
...............มุมดีๆ ของ ร.ฟ.ท.ที่บางคนอาจไม่ค่อยได้เห็น...............
|
ด้วยความเร่งรัดของสงคราม.....กองทัพญี่ปุ่นจึงกำหนดเป้าหมายที่จะก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 14 เดือน (ว่ากันว่า.....หากพิจารณาจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา.....ตามปกติ “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการก่อสร้างนาน 5 – 6 ปีเลยทีเดียว) เชลยศึกและกรรมกรรับจ้างก่อสร้างรวมจำนวนกว่า 176,000 คน ต้องร่วมกันทำงานหนักตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งการตัดโค่นไม้ซุงท่อนใหญ่แล้วแบกลงจากภูเขา กะเทาะหินผาด้วยอุปกรณ์ประจำกายเล็กๆ (เช่น ค้อน ขวาน พลั่ว) โดยปราศจากเครื่องกลหนักทุ่นแรง และเนื่องด้วยเป็นช่วงเวลาท่ามกลางสภาวะสงครามส่งผลให้อาหารปันส่วนขาดแคลน เชลยศึกจำต้องรับประทานอาหารที่มีเพียงข้าวเปล่ากับเกลือและเศษผักต่อเนื่องกันนานหลายสัปดาห์ สภาพแวดล้อมซึ่งเป็นป่าเขารกชัฏมียุงชุกชุมก็ทำให้หลายคนป่วยเป็นไข้มาลาเรีย เมื่อประกอบเข้ากับความเป็นอยู่ภายในค่ายเชลยศึกที่เป็นไปอย่างไม่ค่อยถูกสุขลักษณะก็ก่อให้เกิดอหิวาตกโรคและกาฬโรคระบาดคร่าชีวิตผู้คนในส่วนงานก่อสร้างไปเป็นจำนวนมาก
|
...................................จังหวะ จะ เดิน...................................
|
|
...............ผีเสื้อเลอะเทอะประเภทหนึ่งซึ่งพบได้ริมเส้นทางรถไฟสายมรณะ...............
|
กรรมกรรับจ้างจำนวนมากที่ทนต่อความยากลำบากไม่ไหวได้หลบหนีออกมาจากส่วนงานก่อสร้าง เมื่อทางกองทัพญี่ปุ่นล่วงรู้ถึงปัญหาดังกล่าวก็ใช้วิธีสร้างแรงจูงใจให้แก่เหล่าบรรดากรรมกรรับจ้างโดยการจำหน่ายฝิ่นให้กับกรรมกรเหล่านี้ เมื่อกรรมกรรับจ้างติดฝิ่นพวกเขาจึงจำเป็นต้องทำงานต่อไป ประเมินกันว่ามีกรรมกรชาวจีนอพยพราวร้อยละ 80 ติดฝิ่นในขณะมาทำงานก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า”
ยิ่งนานวันจำนวนผู้เสียชีวิตจากการก่อสร้าง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” ก็ค่อยๆ ทวีเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ .....แต่ในที่สุด.....การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ก็แล้วเสร็จจนสามารถเปิดใช้งานได้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2486
|
...................................นกกระจิบธรรมดา...................................
|
|
...............บางช่วงของรางรถไฟสายประวัติศาสตร์...............
|
.....อย่างไรก็ตาม.....ความทารุณโหดร้ายอันเป็นที่มาของสมญานาม “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่เมื่อเส้นทางรถไฟสายนี้ถูกเปิดใช้ เนื่องจากกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรทราบดีว่า “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” (ซึ่งภายหลังได้รับสมญานามว่า “เส้นทางรถไฟสายมรณะ”) เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์สำคัญของกองทัพญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรส่งเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดตามแนวเส้นทางรถไฟสายนี้ตลอดช่วงสงคราม การทิ้งระเบิดดังกล่าวนอกจากจะส่งผลให้ทหารญี่ปุ่นต้องบาดเจ็บล้มตายแล้วก็ยังทำให้เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรต้องเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เนื่องจากค่ายเชลยศึกส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้กับจุดยุทธศาสตร์สำคัญหลายแห่งตามแนวเส้นทางรถไฟและกองทัพญี่ปุ่นก็ได้สั่งห้ามไม่ให้เหล่าเชลยศึกขุดหลุมหลบภัย อีกทั้งยังมีการสั่งห้ามไม่ให้เชลยศึกแสดงสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีขาวบนพื้นสีกรมท่าอันเป็นสัญลักษณ์ของค่ายเชลยศึกตามปกติด้วย (เมื่อไม่มีการแสดงสัญลักษณ์ค่ายเชลยศึก เครื่องบินรบของฝ่ายสัมพันธมิตรก็ไม่อาจทราบได้ว่าการทิ้งระเบิดลงไปจะเป็นการคร่าชีวิตของพวกเดียวกันเองอย่างน่าอเนจอนาถ)
|
...................................ท้ายขบวน...................................
|
|
...................................The Death Railway...................................
|
เมื่อใดที่ “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” ถูกเครื่องบินรบของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรบุกโจมตีทิ้งระเบิดเสียหาย กองทัพญี่ปุ่นก็จะเกณฑ์เหล่าเชลยศึกเข้าซ่อมแซมเส้นทางรถไฟอย่างเร่งด่วน (ส่วนใหญ่จะใช้เวลาซ่อมแซมความเสียหายเสร็จภายในวันเดียว) สำหรับจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่เครื่องบินรบของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรแวะเวียนมาทิ้งระเบิดอยู่เสมอก็คือ “สะพานข้ามแม่น้ำแคว (The Bridge On The River Kwai)” ซึ่งต่อมาภายหลังกองทัพญี่ปุ่นได้ใช้ยุทธวิธีป้องกันการโจมตีทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบฝ่ายสัมพันธมิตรโดยการบังคับเกณฑ์เชลยศึกให้ขึ้นไปยืนเป็นโล่มนุษย์อยู่บนสะพานดังกล่าว เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมในการเข้าทิ้งระเบิดสะพานข้ามแม่น้ำแควครั้งที่ 8 – 10 เนื่องจากเครื่องบินรบของกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรไม่ทราบว่ามีเชลยศึกจำนวนมากยืนอยู่บนสะพาน เมื่อระเบิดตกกระทบทำลายสะพานข้ามแม่น้ำแควช่วงที่ 4 , 5 และ 6 ขาดออกเป็นสามท่อน ชีวิตของเชลยศึกจำนวนนับไม่ถ้วนก็ต้องปลิดปลิวหายไปพร้อมๆ กับเส้นทางรถไฟที่ขาดสะบั้นลง (“สะพานข้ามแม่น้ำแคว” ถือเป็นส่วนหนึ่งของ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ตั้งอยู่บริเวณ ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ครับ)
|
...................................รถไฟแล่นบนรางริมน้ำ...................................
|
|
...................................อุโมงค์แห่งแสง...................................
|
ภายหลังจากที่กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรทราบข่าวว่ากองทัพญี่ปุ่นได้ใช้ยุทธวิธีนำเชลยศึกมาเป็นโล่มนุษย์บนสะพานข้ามแม่น้ำแคว กองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรก็ไม่กล้าส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดบริเวณสะพานแห่งนี้อีกเนื่องจากเกรงว่าระเบิดจะถูกพวกเดียวกันเอง แต่กลับเปลี่ยนแผนมุ่งเน้นไปที่การบุกเข้าโจมตีพื้นที่ต่างๆ ภายในประเทศญี่ปุ่นโดยตรงแทน ต่อมาในช่วงสุดท้ายของสงคราม.....สหรัฐอเมริกาได้นำระเบิดปรมาณูไปทิ้ง ณ เมืองฮิโรชิมา (6 สิงหาคม พ.ศ. 2488) และเมืองนางาซากิ (9 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ส่งผลให้มีชาวญี่ปุ่นรวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักอาศัยอยู่ในเขตเมืองทั้งสองแห่งดังกล่าวเสียชีวิตทันทีนับแสนคน นอกจากนั้นก็ยังมีผู้ที่เสียชีวิตตามมาอีกในภายหลังเนื่องจากผลกระทบของกัมมันตภาพรังสีซึ่งตกค้างอยู่เป็นจำนวนมาก (ประเมินกันว่ามีชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติเสียชีวิตจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดปรมาณู ณ เมืองฮิโรชิมาและเมืองนางาซากิ.....รวมทั้งหมดราว 4 แสนคน โดยนับทั้งผู้ที่เสียชีวิตทันทีจากการทิ้งระเบิดรวมถึงผู้ที่เสียชีวิตด้วยผลตกค้างจากกัมมันตภาพรังสี) เหตุการณ์ดังกล่าวนี้นำไปสู่การยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของกองทัพญี่ปุ่นภายในระยะเวลาไม่กี่วันต่อมา
|
...............เช้านี้ยังคงมีแค่เพียงตัวฉัน และ อีกหนึ่งคนสำคัญผู้บันทึกภาพ...............
|
|
..............ว่ากันว่า 1 ไม้หมอนของ เส้นทางรถไฟสายมรณะ...............
คือ 1 ชีวิตของเหล่าเชลยศึกและกลุ่มกรรมกรก่อสร้างที่ล้มหายตายจากไป
|
เที่ยงตรงของวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามเวลาท้องถิ่น สถานีวิทยุกรุงโตเกียวได้แถลงประกาศพระบรมราชโองการของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า.....ประเทศญี่ปุ่นได้ยอมจำนนต่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรอย่างไม่มีเงื่อนไขและให้ทหารของสมเด็จพระจักรพรรดิทั้งหมดวางอาวุธโดยสิ้นเชิง นับเป็นการปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมาอย่างยาวนานหลายปี [กองทัพเยอรมนีและกองทัพอิตาลีเป็นอีก 2 ชาติสำคัญซึ่งเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 ในฐานะฝ่ายอักษะ (กองทัพเยอรมนีและกองทัพอิตาลีเป็นกองกำลังหลักของฝ่ายอักษะที่ควบคุมแนวรบบริเวณฝั่งซีกโลกตะวันตก) ได้ประสบกับความพ่ายแพ้ต่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตรและยอมจำนนไปก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 – ต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 คงเหลืออยู่เพียงแค่กองทัพญี่ปุ่น (กองทัพญี่ปุ่นเป็นกองกำลังหลักของฝ่ายอักษะที่ควบคุมแนวรบบริเวณฝั่งซีกโลกเอเชียตะวันออก) ซึ่งยังคงปักหลักต่อสู้ยืดเยื้อมาจนกระทั่งถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488]
|
.........................จุดหยุดขบวนรถไฟหน้า สวนไทรโยค รีสอร์ท.........................
|
|
.........................@ Krasae Bridge Train Station.........................
|
ประเมินกันว่าระหว่างการก่อสร้างและซ่อมบำรุง “เส้นทางรถไฟสายไทย – พม่า” ในช่วงสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพามีทั้งเชลยศึก กรรมกรรับจ้าง และทหารญี่ปุ่น ต้องเสียชีวิตสังเวยให้กับเส้นทางรถไฟสายนี้ไปมากถึง 41,000 คน ส่งผลให้เส้นทางรถไฟสายนี้ได้รับการขนานนามใหม่ว่าเป็น “เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway)” .....ภายหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลง.....กองทัพอังกฤษได้เข้ามารื้อ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” บริเวณชายแดนด่านเจดีย์สามองค์เข้ามาทางฝั่งไทยประมาณ 4 กม. ต่อมาในเดือนกันยายน พ.ศ. 2489 รัฐบาลไทยจึงได้ติดต่อเจรจากับตัวแทนรัฐบาลอังกฤษเพื่อขอซื้อเส้นทางรถไฟสายมรณะส่วนที่เหลือคืน (เฉพาะในฝั่งประเทศไทย) ในราคา 1,500,000 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือคิดเป็นเงินไทยในสมัยนั้นราว 50 ล้านบาท
|
กิจกรรมล่องแพลูกบวบแบบนี้
ถูกบุกเบิกขึ้นเป็นครั้งแรกในจังหวัดกาญจนบุรีโดย สวนไทรโยค รีสอร์ท
|
|
...................................แพ พา เพลิน...................................
|
วันเวลาล่วงเลยผ่าน.....เส้นทางรถไฟสายมรณะบางส่วนถูกรื้อถอน ปรับปรุงและซ่อมแซม จนกระทั่งสามารถเปิดใช้งานได้อีกครั้งตั้งแต่สถานีหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ไปจนถึงสถานีน้ำตก อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 และปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ได้เปิดให้บริการเดินรถไฟขบวนปกติในเส้นทางสถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) – สถานีน้ำตก (กาญจนบุรี) โดยมีขบวนรถวิ่งทุกๆ วันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังมีการจัดขบวนรถไฟสายพิเศษเพื่อการท่องเที่ยวย้อนรอยรำลึกประวัติศาสตร์ของ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ขึ้นในทุกๆ วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่างๆ ด้วย (สอบถามข้อมูลรถไฟนำเที่ยว “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ขบวนพิเศษทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ได้ที่หน่วยบริการท่องเที่ยวทางรถไฟ Tel.02-225-6964 หรือ Hotline 1690 ครับ)
|
...................................Light & Rail...................................
|
|
...............ปัจจุบัน..........มีขบวนรถไฟวิ่งผ่านเส้นทางสายนี้ทุกวัน...............
|
สวนไทรโยค : รีสอร์ทบนทำเลที่สวยงามที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ
.....ว่ากันว่า.....เส้นทางรถไฟสายมรณะช่วงที่มีความสวยงามมากที่สุดนั้น ได้แก่ ช่วงบริเวณ “สะพานถ้ำกระแซ” หรือที่ชาวต่างชาติรู้จักกันในชื่อ “โค้งสะพานมรณะ (The Deadly Curved Bridge)” ซึ่งเป็นช่วงที่มีการก่อสร้างสะพานทางรถไฟความยาวประมาณ 400 เมตร เลียบเลาะไปตามริมผาหินสูงชันโดยมีทิวทัศน์เบื้องล่างเป็นลำน้ำแควน้อย บางช่วงของสะพานทางรถไฟนี้มีความสูงจากพื้นดินมากถึง 10 เมตร “จอห์น โค้ช (John Coach)” อดีตเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเคยถูกกองทัพญี่ปุ่นควบคุมตัวไว้ในระหว่างช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพาได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อสร้างเส้นทางรถไฟช่วงนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า.....
|
.........................อีกมุมหนึ่งของ เส้นทางรถไฟสายมรณะ.........................
|
|
...................................บ้านริมแคว แพริมน้ำ...................................
|
“ราว 103 กิโลเมตรจาก อ.บ้านโป่ง (จ.ราชบุรี) ที่ซึ่งผู้คนต้องบุกบั่นฝ่าป่าดงพงไพรเข้าไปทำงาน กลับมีสะพานความยาวถึง 400 เมตร ก่อสร้างลัดเลาะไปตามแนวผาหินสูงชันริมแม่น้ำที่ทั้งกว้างและลึกตั้งอยู่ราวกับปาฏิหาริย์ (แม่น้ำในที่นี้ คือ แม่น้ำแควน้อยครับ) เรื่องที่น่าทึ่งเป็นอย่างยิ่งก็คือ.....เมื่อ 3 อาทิตย์ก่อน ณ ตรงจุดนั้นยังไม่มีอะไรเลยนอกไปเสียจากผืนป่าอันรกชัฏ แต่แล้ววันนี้กลับมีสะพานขนาดใหญ่ซึ่งใช้หัวรถจักรวิ่งกลับไปกลับมาได้อย่างสบายๆ วางตระหง่าน ด้วยแรงงานของเชลยศึกกว่า 2,000 คนภายใต้การควบคุมดูแลของกองทัพญี่ปุ่นทำให้สามารถก่อสร้างสะพานทางรถไฟขนาดใหญ่แห่งนี้จนแล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 17 วัน.....กล่าวกันว่า.....นี่เป็นการก่อสร้างสะพานขนาดใหญ่โดยแรงงานทาสที่รวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยปรากฏมาในช่วงศตวรรษที่ 19”
|
...............ถ้ารู้จักระแวดระวังก็จะไม่พลั้งพลาด...............
|
|
.........................รางเลาะเลียบริมผา.........................
|
“สะพานถ้ำกระแซ” หรือ “โค้งสะพานมรณะ (The Deadly Curved Bridge)” ตั้งอยู่ในเขต ต.ลุ่มสุ่ม อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถือเป็นสะพานไม้ทางรถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย .....ปัจจุบัน.....สะพานแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังบน “เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway)” มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเยือนเป็นจำนวนมาก.....บริเวณหัวโค้งสะพานมรณะด้านทิศเหนือมีถ้ำตื้นๆ อยู่ใต้เชิงผาหินเรียกกันว่า “ถ้ำกระแซ (Krasae Cave)” ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ ส่วนอาณาบริเวณริมแม่น้ำแควน้อยใกล้ๆ กับปลายสะพานด้านทิศใต้เป็นที่ตั้งของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyok Resort)” รีสอร์ทบนทำเลที่สวยงามที่สุดของเส้นทางรถไฟสายนี้
!
|
........................................รถไฟไทย........................................
|
|
...................................Fantastic 4 + 1...................................
|
สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyok Resort) เป็นรีสอร์ทซึ่งเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 ตั้งอยู่บนทำเลอันโดดเด่นริมแม่น้ำแควน้อยติดกับเส้นทางรถไฟสายมรณะ สถานีถ้ำกระแซ.....นับเป็นรีสอร์ทเพียงแค่แห่งเดียวของจังหวัดกาญจนบุรีที่สามารถเดินเท้าจากห้องพักมายัง “สะพานถ้ำกระแซ” หรือ “โค้งสะพานมรณะ” ซึ่งถือเป็นเส้นทางรถไฟช่วงที่สวยงามที่สุดของ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ” ได้ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคลก็ยังสามารถเดินทางมายัง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้ไม่ลำบาก โดยการขึ้นรถไฟดีเซลรางจากสถานีบางกอกน้อย (บางครั้งก็เรียกว่า “สถานีรถไฟธนบุรี”.....สถานีรถไฟแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหลัง รพ.ศิริราช ครับ) มาลงที่สถานีถ้ำกระแซ แล้วก็เดินเท้าเข้ามายังจุดต้อนรับของรีสอร์ทได้ทันที (สามารถเดินเข้ามายังรีสอร์ทได้โดยไม่ต้องต่อรถหรือต่อเรือใดๆ อีก ส่วนขากลับก็เพียงแค่ขนกระเป๋าขึ้นรถไฟย้อนเส้นทางเดิมกลับไปยังสถานีบางกอกน้อย.....มีรถไฟให้บริการในเส้นทางดังกล่าวนี้ทุกๆ วันครับ)
|
...................................ใน ถ้ำกระแซ...................................
|
|
เล่าสืบต่อกันมาว่าถ้ำแห่งนี้
เคยถูกใช้เป็นสถานที่พำนักอาศัยของเชลยศึกสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
|
ยามอรุณรุ่ง.....หากคุณไม่ได้รู้สึกอ่อนเพลียจากการเดินทางหรือเหนื่อยล้าการทำกิจกรรมต่างๆ ในวันก่อนหน้ามากมายสักเท่าไรนัก ทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) แนะนำว่าคุณควรจะรีบตื่นแล้วถือกล้องถ่ายรูปไปยืนรอบริเวณเชิงสะพานถ้ำกระแซตั้งแต่ก่อนเวลา 6.00 น. เพราะราวช่วงเวลา 6.10 – 6.15 น.ของทุกๆ วันจะมีพระสงฆ์จากวัดในละแวกใกล้เคียงเดินเท้ามาบิณฑบาตผ่านเส้นทาง “โค้งสะพานมรณะ” อยู่เสมอ (แต่ไม่แน่ใจว่าในช่วง “เข้าพรรษา” จะมีพระสงฆ์เดินมาบิณฑบาตเหมือนปกติหรือเปล่านะครับ ?) รับรองเลยว่าถ้าคุณใช้ความตั้งใจสักหน่อยก็จะสามารถถ่ายภาพสวยๆ ของขบวนบิณฑบาตต้อนรับวันใหม่ได้อย่างแน่นอน
|
เบื้องหน้าพระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ
|
|
...................................เงาพระพุทธ...................................
|
บางช่วงเวลาระหว่างวัน.....บริเวณ “โค้งสะพานมรณะ” จะมีขบวนรถไฟแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ ด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันมิให้เกิดแรงสั่นสะเทือนมากจนกระทั่งก่อความเสียหายต่อโครงสร้างของตัวสะพาน หากใครต้องการจะถ่ายภาพนิ่งหรือบันทึก VDO Clip ขณะที่หัวรถจักรและตู้โดยสารซึ่งหนักหลายตันค่อยๆ คืบคลานผ่านรางเหล็กริมผาหินอันน่าหวาดเสียวเป็นระยะทางยาวกว่า 400 เมตร ก็ลองตรวจสอบตารางเวลาเดินรถไฟทางด้านล่าง (ตารางเวลาเดินรถไฟผ่าน “สถานีถ้ำกระแซ” จะอยู่ทางด้านล่างสุดของบทความ “สวนไทรโยค” นี้ครับ) แล้วจึงค่อยมาวางแผนการถ่ายภาพให้เหมาะสมดูอีกครั้ง
|
ฤดูฝนมอบความชุ่มชื่นและก่อกำเนิดชีวิตให้พืชพันธุ์ไม้เลื้อยภายในถ้ำ
|
|
........................................ทางสว่าง........................................
|
สนุกกับกิจกรรมหลากหลายที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท”
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนยัง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” นอกจากจะได้ชมทิวทัศน์สวยๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ “โค้งสะพานมรณะ” แล้ว.....ก็ยังจะมีโอกาสสนุกสนานไปกับกิจกรรมผจญภัยหลายหลายรูปแบบซึ่งทางรีสอร์ทได้จัดเตรียมไว้ให้ด้วย (กิจกรรมต่างๆ มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนอกเหนือจากค่าบริการห้องพักตามปกติ ยกเว้นผู้ซึ่งเลือกใช้บริการ Package Tour ตามเงื่อนไขในตารางราคาทางด้านล่างของบทความนี้ จะมีการรวมค่าบริการกิจกรรมบางอย่างเอาไว้ให้อยู่แล้วครับ) ส่วนกิจกรรมเหล่านี้จะมีอะไรบ้าง.....ต้องลองตามไปอ่านต่อในย่อหน้าถัดๆ ไปกันเลย !
|
.............................................ป้ายสี.............................................
|
|
ถ้าคุณจะนั่งรถไฟมาเที่ยว สวนไทรโยค รีสอร์ท
ก็ต้องเลือกลงรถให้ถูกสถานีตามที่เห็นในภาพข้างบนนี้เลยนะ !
|
1. ล่องแพ : “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เป็นรีสอร์ทซึ่งบุกเบิกการจัดกิจกรรมล่องแพลูกบวบเป็นรายแรกของจังหวัดกาญจนบุรีมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 โดย “อาจารย์เฉลิม แช่มช้อย” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เล็งเห็นว่าเดิมทีชาวจังหวัดกาญจนบุรีก็ใช้แพเป็นพาหนะสำหรับการเดินทางอยู่แล้ว ประกอบกับพื้นที่ด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” นั้นมีแม่น้ำแควน้อยไหลผ่าน หากจะนำแพมาประยุกต์ใช้ในกิจกรรมการท่องเที่ยวบ้างก็น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นสักเท่าไรนัก.....ด้วยเหตุนี้ “อาจารย์เฉลิม แช่มช้อย” จึงริเริ่มการจัดกิจกรรมล่องแพลูกบวบขึ้น (“แพลูกบวบ” มีลักษณะเป็นแพซึ่งนำไม้ไผ่หลายๆ ลำมามัดรวมกันเป็นแพกลมๆ ครับ)
|
.........................ดื่มด่ำน้ำค้างยามเช้า.........................
|
|
...................................ชบา อวด โฉม...................................
|
กิจกรรมล่องแพลูกบวบของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เป็นกิจกรรมซึ่งจะใช้เรือยนต์ลากแพของนักท่องเที่ยวทวนกระแสน้ำผ่านบริเวณ “โค้งสะพานมรณะ” ขึ้นไปเป็นระยะทางราวๆ 2 กิโลเมตร เสร็จแล้วจึงปล่อยให้นักท่องเที่ยวกระโดดน้ำลงจากแพแล้วลอยคอตุบป่องๆ ไหลตามกระแสน้ำชมทิวทัศน์ความงดงามของธรรมชาติและ “โค้งสะพานมรณะ” จนกระทั่งกลับมาถึงบริเวณท่าน้ำของรีสอร์ท โดยนักท่องเที่ยวทุกๆ คนจะต้องสวมเสื้อชูชีพไว้เพื่อความปลอดภัยเสมอ (สำหรับนักท่องเที่ยวที่ว่ายน้ำไม่เป็นและไม่อยากลงจากแพ ก็สามารถนั่งพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้วรอให้เรือยนต์ลากแพกลับมายังรีสอร์ทได้.....ปัจจุบัน “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้ดำเนินการต่อแพชนิดใหม่ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทาน ปลอดภัยมากกว่า “แพลูกบวบ” ขึ้นและถูกใช้ในกิจกรรมล่องแพของทางรีสอร์ทมาตลอดจวบจนถึง ณ ขณะนี้)
|
..............................กาลครั้งหนึ่ง ณ แควน้อย..............................
|
|
...................................ป้อมพักของนายสถานี...................................
|
2. หอคอยแห่งการผจญภัย : พบกับเครื่องเล่นหลากหลายชนิดซึ่งติดตั้งเชื่อมต่ออยู่บนหอคอยขนาดใหญ่ที่พร้อมจะกระตุ้นต่อมความตื่นเต้นและเรียกเสียงกรีดร้องราวกับคนเสียสติจากเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวขวัญอ่อน.....ลองไปทำความรู้จักกับเครื่องเล่นต่างๆ ของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เหล่านี้กันเลย !
2.1 EURO – STAR : นี่เป็นเครื่องเล่นที่นักท่องเที่ยวจะได้สวมใส่ชุด Safety – Adventure Suit คล้องตัวห้อยต่องแต่งกับล้อเลื่อน แล้วจึงถูกปล่อยให้ลื่นไถลลงมาตามราวโลหะจากระดับความสูง 12 เมตร ผ่านโค้งแรงเหวี่ยง ลอดอุโมงค์ตาข่าย และหมุนวนในเส้นทางเกลียวสว่านแนวตั้ง ถึงแม้ว่ากิจกรรมนี้จะใช้ระยะเวลาเพียงแค่สั้นๆ แต่บอกได้เลยว่าความสนุกตื่นเต้นเร้าใจนั้นอยู่ในระดับ 5 ดาว.....เครื่องเล่น EURO – STAR นี้มีให้สนุกได้แค่ที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” แห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น !
|
..............................หลากภาพถ่ายในกระแสเวลา..............................
|
|
...............แพอิงธาร : ห้องพักเรือนแพริมแม่น้ำแควน้อยของ สวนไทรโยค รีสอร์ท...............
|
2.2 The Flying Train : หรือ “รถไฟเหาะมนุษย์” กิจกรรมกระโดดหอ ณ ระดับความสูง 18 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ร่อนถลาไปกลางอากาศตามแนวรอก sling เป็นระยะทางราว 175 เมตร พร้อมๆ กับชมทิวทัศน์ความงดงามของแม่น้ำแควน้อยจากมุมสูงในแบบที่ไม่มีใครเหมือน
2.3 The Krasae Swing : หวาดเสียวไปกับกิจกรรมซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องขึ้นไปยืนบนสะพานเลื่อนบนหอคอยระดับความสูง 11 เมตรเหนือพื้นดิน แล้วผูกตัวติดกับ Safety – Adventure Suit ที่มีสาย Sling แขวนยึดติดอยู่กับคานขนาดยักษ์เบื้องหน้า เมื่อเจ้าหน้าที่ค่อยๆ ดึงสะพานเลื่อนกลับเข้ามาในตัวหอคอย นักท่องเที่ยวก็จะร่วงหล่นลงมาตามแรงโน้มถ่วงและแรงดึงของสาย Sling แล้วแกว่งไกวไปมาคล้ายกับการละเล่นโล้ชิงช้า
|
.............................................My Way.............................................
|
|
...............กะทกรกแย้มบาน อีกไม่นานจะได้รับประทานเสาวรส ?...............
|
2.4 The Krasae Cliff : หนึ่งในกิจกรรมทดสอบความแข็งแรงของร่างกายด้วยการปีนป่ายหน้าผาซึ่งจำลองแบบมาจาก “หน้าผาถ้ำกระแซ” โดยนักท่องเที่ยวสามารถเลือกระดับความยาก – ง่ายของเส้นทางได้ถึง 4 แบบ.....ใครที่คิดว่าตัวเองแกร่งจริง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ก็ขอท้าให้ก้าวเข้ามาเลย !
2.5 The Krasae Tower : ใครที่อยากสวมบทบาทแบบเดียวกันกับ Commando ในภาพยนตร์ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” แนะนำให้ลองมาเล่นกิจกรรมโรยตัวจากหอคอยสูง 10 เมตร ซึ่งมีเส้นทางโรยตัวทั้งแบบพื้นผิวโค้งและพื้นผิวแนวตรงดิ่งให้เลือกได้ตามความถนัด
|
...............บ้านอิงชล และ อาคารส่วนต้อนรับของ สวนไทรโยค รีสอร์ท...............
|
|
..............................รูปลักษณะอันโดดเด่นของบ้านอิงนที..............................
|
3. The Indiana Jones : ร่วมผจญภัยไปกับฐานกิจกรรมเชือกลอยฟ้าทั้ง 12 ด่าน อาทิเช่น ตาข่ายลอยฟ้า คานทรงตัว กระรอกบิน เป็นต้น..... “สวนไทรโยค รีสอร์ท” หวังอย่างยิ่งว่านักท่องเที่ยวจะได้รับความรู้สึกสนุกสนานตื่นเต้นราวกับเป็น Indiana Jones ในขณะที่กำลังเล่นกิจกรรมเหล่านี้ (Indiana Jones คือ นักโบราณคดีผู้รักการผจญภัยซึ่งเป็นตัวเอกในภาพยนตร์ชุด “ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า” ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเป็นตอนแรกเมื่อปี พ.ศ. 2524 ครับ)
4. The River Kwai X – Treme : เปียกปอนเย็นชุ่มฉ่ำไปกับการผจญภัยบนเครื่องเล่นกลางสายน้ำแควน้อยของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ลองอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องเล่นต่างๆ เหล่านี้ในย่อหน้าต่อไป แล้วคุณอาจจะตระหนักว่านี่คือความสนุกที่พลาดไม่ได้สำหรับพรรคพวก เพื่อนพ้อง พี่น้องและครอบครัว (นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องสวมใส่เสื้อชูชีพก่อนใช้บริการฐานกิจกรรมทางน้ำทุกๆ ประเภทและต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยก่อนลงเล่นเสมอครับ)
|
คงไม่ใช่การกล่าวที่เกินจริงสักเท่าไหร่นักหากจะบอกว่า สวนไทรโยค รีสอร์ท
คือ รีสอร์ทซึ่งตั้งอยู่บนทำเลที่สวยงามที่สุดของ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
|
|
...................................เบื้องหลังเรือนแพ...................................
|
4.1 Freefall Supreme : นี่คือกระดานลื่น (Slider) กลางน้ำขนาดใหญ่ กว้าง 4 เมตร สูง 5.5 เมตร ผลิตจากโรงงานมาตรฐานในประเทศสหรัฐอเมริกาและนำเข้ามาสู่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกโดย “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เครื่องเล่นชนิดนี้สามารถให้บริการได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่.....ใครที่สังขารเริ่มจะร่วงโรยแต่อยากหวนรำลึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งยังเยาว์วัยก็รีบสวมใส่เสื้อชูชีพแล้วมาลุยกันได้เลย !
4.2 Super Tramp : ลานกระโดดกลางน้ำติดแท่นลื่นขนาดเล็กที่ดูจะเหมาะกับเด็กและกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นมากกว่าเหล่าบรรดาผู้สูงวัย เพราะถ้าหากกลุ่มท่าน ส.ว. กระโดดเด้งดึ๋งดั๋งอย่างเมามันมากเกินไปก็อาจส่งผลให้กล้ามเนื้อกระดูกเอ็นบาดเจ็บได้ในบัดดล
|
...............ห้องนอนติดเครื่องปรับอากาศบนแพอิงธาร สวนไทรโยค รีสอร์ท...............
|
|
ระเบียงชมธรรมชาติด้านหน้าห้องพัก The Journey Suite Six Collections
|
4.3 Revolution : มาแบ่งกลุ่มเพื่อนพ้อง พี่น้องและครอบครัวออกเป็น 2 ฟากฝั่ง แล้วจึงช่วยกันโยกเยกม้ากระดกยักษ์ซึ่งมีความสูงราว 2.5 เมตรจากระดับพื้นผิวน้ำ เครื่องเล่นชนิดนี้สามารถรองรับน้ำหนักได้มากที่สุดถึง 960 กิโลกรัม (รองรับผู้เล่นน้ำหนักไม่เกิน 80 กิโลกรัมได้ 12 คน) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ต้องอาศัยความสามัคคีของผู้เล่นแต่ละฟากฝั่งช่วยกันถ่ายเทน้ำหนักให้ม้ากระดกยักษ์สามารถโยกเยกสลับข้างไปมาได้
4.4 Rockit : เครื่องเล่นลอยน้ำหน้าตาคล้ายกับจานบินมนุษย์ต่างดาว (UFO) ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องขึ้นไปยึดเกาะอยู่ตามจุดต่างๆ แล้วพยายามโยกเครื่องเล่นด้วยแรงเหวี่ยงเพื่อทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ตกลงไปในน้ำ.....ใครที่ยังคงเหลือรอดอยู่บนเครื่องเล่นเป็นคนสุดท้ายก็คือผู้ชนะ
|
มุมพักผ่อนเฉพาะผู้ใช้บริการห้องพักแบบแพอิงธาร
|
|
ถ้าได้เดินทางมายังจังหวัดกาญจนบุรี
ยังไงก็ควรจะหาโอกาสมาพักในรีสอร์ทติดริมแม่น้ำแควแบบนี้สักครั้ง
|
5. The ATV Bamboo X – Treme : สวมวิญญาณขาซิ่งแล้วมันส์ไปกับการขับรถ ATV (All – Terrain Vehicle) บุกตะลุยเส้นทางวิบากริมเชิงเขาใกล้ๆ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ สถานีถ้ำกระแซ” นี่นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหากคุณมีโอกาสได้เดินทางมาเยือน “สวนไทรโยค รีสอร์ท” (กิจกรรมขับรถ ATV สามารถร่วมสนุกกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ครับ)
6. กิจกรรมกีฬานันทนาการ : นอกเหนือไปจากการล่องแพและฐานกิจกรรมผจญภัยทั้งทางบกทางน้ำแล้ว “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ก็ยังมีกิจกรรมกีฬานันทนาการต่างๆ เอาไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกหลายอย่าง อาทิเช่น ยิงธนู , จักรยานหรรษา 2 – 3 ที่นั่ง , พายเรือคายัก เป็นต้น ทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) รับรองเลยว่าตลอดระยะเวลาที่คุณเลือกพักผ่อนใน “สวนไทรโยค รีสอร์ท” แห่งนี้จะไม่มีวันว่างๆ ให้คุณรู้สึกเบื่อได้อย่างแน่นอน
|
ห้องน้ำรวมของ สวนไทรโยค รีสอร์ท ที่ต้องขอบอกว่าหรูมากๆ
|
|
........................................ฝาแฝด ?........................................
|
7. The Safari Paintball : “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ขอเชิญชวนคุณและพรรคพวกเพื่อนพ้องมาสวมใส่ชุด Fancy Safari ซึ่งมีให้เลือกมากกว่า 20 แบบ (อาทิเช่น ชุดเสือ ชุดยีราฟ ชุดกบ ชุดนก ชุดแมลงเต่าทอง ฯลฯ) แล้วจึงแบ่งกลุ่มหยิบปืน Paintball ขึ้นมาสาดกระสุนใส่คู่ต่อสู้บนพื้นที่ซึ่งจำลองแบบมาจากบ้านร้าง ซากเครื่องบินตก ฐานปืนใหญ่ เรือรบ หรือแม้กระทั่งเขตเกษตรกรรม.....หากใครรู้สึกอัดอั้นตันใจกับเรื่องแฟนแอบไปมีกิ๊ก เพื่อนยืมสตางค์แล้วไม่คืน หัวหน้าใช้งานคุณราวกับทาส ลูกน้องขี้นินทา ฯลฯ แนะนำให้มาระบายแค้นกับเหล่าบรรดาเพื่อนพ้องผู้สวมชุดสัตว์ให้สาแก่ใจ แต่เมื่อกิจกรรมจบลงแล้วก็อย่าลืมปล่อยวางความขุ่นข้องทิ้งไว้เบื้องหลัง เพราะการใช้ความรุนแรงในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นจะไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ได้อย่างยั่งยืนถาวรเลย
|
.........................ฝนกำลังมา ฟ้ากำลังเปลี่ยน.........................
|
|
.........................ส่วนหนึ่งของฐานกิจกรรมผจญภัยทางน้ำ.........................
|
8. Campfire : เมื่อราวปี พ.ศ. 2526 “อาจารย์อัจฉรา สุนทรหัทยา” อดีตอาจารย์ 2 ระดับ 7 ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพญาไทและวิทยาลัยพาณิชยการธนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญผู้ก่อตั้ง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้นำเอาความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่ได้สั่งสอนเหล่าบรรดาลูกศิษย์มาประยุกต์ใช้ในการจัด “กิจกรรมเล่นรอบกองไฟ (Campfire)” ขึ้นภายในรีสอร์ทเป็นครั้งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้บุคคลต่างๆ ในกลุ่มลูกค้าประเภทหน่วยงาน องค์กร และหมู่คณะได้มีโอกาสทำความรู้จักซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังช่วยก่อให้เกิดความสามัคคี รวมทั้งสนับสนุนให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Campfire เป็นกิจกรรมซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะกลุ่มลูกค้าประเภทหน่วยงาน องค์กร หรือหมู่คณะ สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปอาจเข้าร่วมสนุกได้หากในวันที่เข้าพัก ณ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” มีการจัดกิจกรรมเล่นรอบกองไฟครับ)
|
บ้านอิงดอย : กระท่อมหลังน้อยสำหรับครอบครัวท่ามกลางหมู่แมกไม้
|
|
........................................เรือลากแพ........................................
|
9. เที่ยวถ้ำกระแซ : “ถ้ำกระแซ (Krasae Cave)” เป็นถ้ำตื้นๆ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหัวโค้งสะพานมรณะด้านทิศเหนือ ในอดีตถ้ำแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นที่พักอาศัยของเชลยศึกสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาเกี่ยวกับถ้ำกระแซว่า เคยมีนายทหารชาวญี่ปุ่นเข้าไปสำรวจภายในถ้ำแห่งนี้แล้วหายสาบสูญไป ต่อมาจึงมีผู้ค้นพบว่าภายในถ้ำมีงูเหลือมยักษ์อาศัยอยู่ เมื่อกองทัพญี่ปุ่นทราบข่าวจึงได้ส่งทหารมาฆ่างูเหลือมตัวนี้แล้วนำซากของมันบรรทุกขึ้นรถไฟไป ว่ากันว่าขนาดของซากงูเหลือมยักษ์ตัวดังกล่าวมีความยาวมากกว่าความยาวของตู้รถไฟที่ใช้บรรทุกร่างของมันเสียอีก
|
.........................ฐานกิจกรรมเล่นรอบกองไฟ.........................
|
|
อาคารห้องพัก The Victorian Vintage สีครีม
กับอาคารห้องประชุมใหม่และอาคารห้องพัก The Edwardian Royal Saloon ที่กำลังก่อสร้าง
|
นักท่องเที่ยวซึ่งพักค้างแรมอยู่ที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” สามารถเดินเท้าจากห้องพักรีสอร์ทผ่านบริเวณโค้งสะพานมรณะไปจนถึงถ้ำกระแซได้ด้วยตนเอง รวมระยะทางราว 400 – 500 เมตร (แนะนำให้ตรวจสอบตารางเวลาเดินรถไฟทางด้านล่างของบทความชิ้นนี้ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีรถไฟวิ่งผ่านมาในขณะที่คุณกำลังเดินดุ่มๆ อยู่บนโค้งสะพานมรณะ.....อย่างไรก็ตาม.....รถไฟซึ่งใช้เส้นทางนี้ทุกๆ ขบวนจะมีการจอดนิ่งที่สถานีถ้ำแซประมาณเกือบ 5 นาที และจะเปิดหวูดเตือนให้นักท่องเที่ยวทราบว่าขณะนี้ขบวนรถกำลังเตรียมแล่นผ่านไปยังโค้งสะพานมรณะ เพราะฉะนั้นหากคุณได้ยินเสียงหวูดเตือนแล้วก็ควรจะรีบเดินออกไปให้พ้นจากแนวเส้นทางรถไฟอย่างรวดเร็วที่สุดครับ) สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งเลือกใช้บริการ “Package Tour สวนไทรโยค รีสอร์ท” ตั้งแต่ 2 วัน 1 คืนขึ้นไป จะมีมัคคุเทศก์พาเดินไปเที่ยวยังถ้ำกระแซในช่วงเวลา 9.15 – 9.30 น.หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย
|
.........................The Indiana Jones : ฐานกิจกรรมเชือกลอยฟ้า.........................
|
|
...............ใน สวนไทรโยค รีสอร์ท แค่ม้านั่งก็ยังแลดูสวยงาม...............
|
10. เดินขึ้นเขาชมถ้ำเชลย : “ถ้ำเชลย (Prisoner’s Cave)” เป็นถ้ำอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของเส้นทางรถไฟสายมรณะ ตัวถ้ำตั้งอยู่บนเชิงเขาลุ่มสุ่มห่างจากโค้งสะพานมรณะราว 1 กิโลเมตร ในอดีตเคยมีเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรหนีการควบคุมตัวของกองทัพญี่ปุ่นเข้าไปหลบซ่อนอยู่ ชาวบ้านที่พบเห็นต่างก็พากันเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า “ถ้ำอินเดีย” (เนื่องจากลักษณะหน้าตาของเชลยศึกชาวตะวันตกที่ตากแดดกรำฝนทำงานจนร่างกายผ่ายผอมผิวคล้ำอาจดูละม้ายคล้ายคลึงกับคนอินเดีย เมื่อชาวบ้านพบเห็นเข้าจึงพากันเรียกถ้ำอันเป็นสถานที่หลบซ่อนตัวของกลุ่มเชลยศึกเหล่านี้ว่า “ถ้ำอินเดีย” ครับ) ต่อมา “อาจารย์เฉลิม แช่มช้อย” หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้เปลี่ยนชื่อถ้ำแห่งนี้เสียใหม่ให้เป็น “ถ้ำเชลย” เพื่อให้มีความหมายถูกต้องตรงตามประวัติศาสตร์
|
...................................หอคอยแห่งการผจญภัย...................................
|
|
.........................ภาพถ่ายจากสถานที่จริง บรรยากาศจริง.........................
|
ปัจจุบันได้มีการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 เอาไว้บริเวณปากทางขึ้นสู่ถ้ำเชลย นักท่องเที่ยวสามารถขับรถยนต์ส่วนบุคคลมาจอดไว้บริเวณลานจอดรถด้านหน้า แล้วเดินเท้าขึ้นเขาผ่านป่าไผ่ที่ร่มครึ้มเป็นระยะทางอีกราว 440 เมตร ก็จะมาถึงกับสะพานเหล็กที่ทอดยาวลงไปภายในถ้ำแห่งนี้ ภายในถ้ำเชลยมีหินงอกหินย้อยรูปร่างสวยงามแปลกตามากมาย (แต่ส่วนใหญ่จะเป็นหินงอกหินย้อยที่หยุดการเจริญแล้ว) อาทิเช่น ใบหน้าเชลยศึก ช้างเอราวัณ ม่านน้ำตก ห้องดนตรี ฯลฯ
|
EURO - STAR กิจกรรมความสนุกระดับ 5 ดาว
ซึ่งมีให้เล่นได้แค่ที่ สวนไทรโยค รีสอร์ท แห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น
|
|
The Krasae Swing : ร่วงหล่นแล้วแกว่งไกวไปมาที่ระดับความสูง 11 เมตรเหนือพื้นดิน
|
บริเวณทางเดินภายในถ้ำเชลยมีการติดตั้งไฟส่องสว่างเอาไว้เป็นระยะๆ หากนักท่องเที่ยวลงมาภายในถ้ำแล้วไม่พบเห็นว่ามีไฟฟ้าเปิดอยู่ก็สามารถเปิดสวิตช์ที่ตู้ควบคุมด้วยตนเองได้ (ถ้ามองจากสะพานเหล็กลงมาภายในถ้ำ จะเห็นตู้ควบคุมไฟฟ้าตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆ กับฐานสะพานเหล็กด้านขวามือครับ) และถ้าคุณพบว่ากลุ่มของตนเองกำลังจะกลับออกจากถ้ำเชลยเป็นกลุ่มสุดท้าย ก็อย่าลืมปิดสวิตช์ไฟฟ้าที่ตู้ควบคุมให้เสร็จเรียบร้อยเพื่อช่วยกันประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อนด้วยนะจ๊ะ (นักท่องเที่ยวซึ่งเลือกใช้บริการ “Package Tour สวนไทรโยค รีสอร์ท” ตั้งแต่ 2 วัน 1 คืนขึ้นไป ภายหลังจากที่มัคคุเทศก์พาเดินเที่ยวถ้ำกระแซเสร็จเรียบร้อยแล้ว มัคคุเทศก์ก็จะนำนักท่องเที่ยวขึ้นเขาเพื่อเยี่ยมชมถ้ำเชลยเป็นลำดับต่อมาครับ)
|
...............The Flying Train : รถไฟเหาะมนุษย์เตรียมออกบิน !...............
|
|
Rockit : หมุนเหวี่ยงจานบินให้สุดแรงจนกว่าเพื่อนๆ จะหล่นลงไปในน้ำ
|
11. Karaoke : เพลิดเพลินไปกับการร้องเพลงคาราโอเกะระหว่างรับประทานอาหารมื้อค่ำเรื่อยไปจนกระทั่งถึงดึก โดยคุณสามารถเลือกสรรเพลงที่จะนำมาร้องได้ทั้งลูกทุ่ง ลูกกรุง ไทย จีน อังกฤษ หรือจะร้องแบบไม่ค่อยเป็นภาษาก็เชิญตามสะดวก .....อย่างไรก็ตาม.....โปรดอย่าลืมว่าผู้เข้าพักรีสอร์ทท่านอื่นๆ อาจจะไม่ได้รู้สึกสนุกสนานเบิกบานไปกับเสียงร้องโหยหวนราวกับโทรโข่งแตกของคุณ เพราะฉะนั้นหากถึงเวลาที่ทาง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” กำหนดไว้ก็ขอให้ปิดเครื่องเสียงแล้วกลับเข้าห้องพักไปหลับนอนอย่างสงบและกรุณาอย่ารบกวนช่วงเวลาพักผ่อนของนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ (“สวนไทรโยค รีสอร์ท” อนุญาตให้นักท่องเที่ยวร้องเพลงคาราโอเกะได้ไม่เกินเวลา 24.00 น.เท่านั้นครับ)
|
...................................ตระเตรียมความพร้อม...................................
|
|
สวนไทรโยค รีสอร์ท ขอเชิญชวนให้คุณมาสวมวิญญาณขาซิ่งแล้วขับขี่ ATV
บุกตะลุยเข้าไปในเส้นทางวิบากริมเชิงเขาใกล้ๆ กับ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
|
12. Discotheque : ถึงเวลาปลดปล่อยจิตวิญญาณของ “แย้ถูกลนไฟ” และ “คางคกโดนน้ำร้อนลวก” ที่สิงสถิตอยู่ภายในร่างกาย ด้วยการลงไปชักดิ้นชักงอบนพื้นฟลอร์เต้นรำของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ภายในห้องดิสโก้เทคซึ่งเพียบพร้อมไปด้วยระบบแสง สี เสียงอันทันสมัย เมื่อผนวกเข้ากับบริการจากดีเจผู้ช่ำชองที่จะเปิดบรรเลงเพลงให้ดังสนั่นทะลุทะลวงเข้าไปในโสตประสาท ก็มั่นใจได้เลยว่าคุณจะต้องเกิดอาการเส้นกระตุกเอาง่ายๆ .....แต่.....ทุกๆ งานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา และหากคุณยังคงมีความเป็นมนุษย์ผู้รู้ดีรู้ชอบหลงเหลืออยู่บ้างก็ย่อมจะตระหนักได้ด้วยตนเองว่า “ความเกรงใจ” เป็นคุณสมบัติสำคัญซึ่งจะช่วยให้ทุกๆ คนในสังคมอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก เพราะฉะนั้น “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จึงขอร้องให้คุณสนุกแค่พองาม เลิกตามเวลา และอย่าลามปามไปรบกวนนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ (“สวนไทรโยค รีสอร์ท” ให้บริการดิสโก้เทคไม่เกินเวลา 24.00 น. เช่นเดียวกับบริการคาราโอเกะครับ)
|
...............ชุดโต๊ะเก้าอี้ชมสวนด้านหน้าห้องพัก The Victorian Vintage...............
|
|
ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ คือ สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐาน
สำหรับห้องพักทุกๆ แบบของ สวนไทรโยค รีสอร์ท
|
ภายหลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับกิจกรรมหลากหลายชนิดซึ่งมีให้บริการ ณ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” กันไปเรียบร้อยแล้ว ในบทความช่วงถัดไปทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ก็จะขออนุญาตนำทุกๆ ท่านไปสำรวจรายละเอียดของห้องพักแบบต่างๆ ภายใน “สวนไทรโยค รีสอร์ท” กันดูบ้าง
ห้องพักแบบต่างๆ ของสวนไทรโยค รีสอร์ท
ถึงแม้ว่า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จะเริ่มเปิดให้บริการมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 แต่รีสอร์ทแห่งนี้ก็ได้มีการบำรุงรักษา ปรับปรุงซ่อมแซม รวมถึงก่อสร้างห้องพักใหม่เพิ่มเติมอยู่เป็นระยะๆ ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรวมของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ยังคงดูเรียบร้อยและสะอาดสวยงามใกล้เคียงกับรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดตัวใหม่หลายๆ แห่ง.....หากคุณไม่เชื่อก็ลองตามไปดูภาพถ่ายของห้องพักแบบต่างๆ แล้วอ่านข้อมูลเพิ่มเติมกันเลย !
|
The Victorian Vintage : กลุ่มห้องพักที่ได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่ง
มาจากศิลปะสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร
|
|
.........................ภายในห้องน้ำรวมสำหรับผู้ใช้บริการแพอิงธาร.........................
|
1. แพอิงธาร : แค่พิจารณาจากชื่อเรียกก็คงคาดเดากันได้ไม่ยากแล้วว่า นี่คือห้องพักในลักษณะเรือนแพซึ่งถูกผูกยึดโยงให้ลอยลำอยู่เหนือสายน้ำแควน้อยบริเวณด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท”.....“แพอิงธาร” ประกอบไปด้วยเรือนแพลอยน้ำจำนวน 8 หลัง 16 ห้องนอน ภายในแพพักแรมประเภทนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งเครื่องปรับอากาศ , ตู้เย็น , โทรทัศน์จอ LCD พร้อมกล่องรับสัญญาณ Cable TV ด้านหน้าห้องพักแต่ละห้องมีระเบียงริมน้ำและชุดเก้าอี้ที่นักท่องเที่ยวสามารถออกมานั่งผ่อนคลายอิริยาบถรับลมซึ่งพัดเอื่อยๆ อยู่เกือบตลอดทั้งวันได้.....อย่างไรก็ตาม.....เพื่อเป็นการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จึงไม่ได้ดำเนินการสร้างห้องน้ำเอาไว้ภายใน “แพอิงธาร” นักท่องเที่ยวซึ่งเลือกพักค้างแรมบนเรือนแพประเภทนี้จำเป็นจะต้องเดินเท้าขึ้นมาเข้าห้องน้ำรวมบนชายฝั่ง (ห้องน้ำรวมมีการแยกส่วนเป็นห้องอาบน้ำและห้องสุขาอย่างชัดเจน ภายในห้องอาบน้ำรวมมีเครื่องทำน้ำอุ่นติดตั้งเอาไว้ให้บริการในทุกๆ ห้องครับ)
|
...............รางเลื่อนเกลียวสว่านแนวตั้งของเครื่องเล่น EURO - STAR...............
|
|
The Safari Paintball : สนุกเปื้อนยิ้มไปกับการตามล่าผองเพื่อนในชุดสัตว์สุดน่ารัก
|
2. บ้านอิงชล : กลุ่มของกระท่อมปีกไม้สักขนาดย่อมที่ตั้งอยู่ติดกับสนามหญ้าริมแม่น้ำแควน้อย รวมจำนวนทั้งหมด 4 หลัง โดยกระท่อมแต่ละหลังจะแบ่งแยกออกเป็นห้องพักขนาดเล็กอีก 2 ห้อง ภายในห้องพักแต่ละห้องเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งเครื่องปรับอากาศ , ตู้เย็น , โทรทัศน์จอ LCD พร้อมกล่องรับสัญญาณ Cable TV และมีห้องน้ำเป็นส่วนตัว.....ด้านหน้า “บ้านอิงชล” มีระเบียงพักผ่อนใต้เงาต้นไม้ใหญ่ซึ่งให้ความร่มรื่นเกือบตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ก็ยังมีชิงช้าตัวน้อยๆ ที่ผูกแขวนเอาไว้เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้นั่งแกว่งไกวปล่อยอารมณ์เพลิดเพลินระหว่างเงี่ยหูฟังเสียงนกน้อยใหญ่ซึ่งกำลังร้องเพลงเจื้อยแจ้วอยู่รายรอบตัวด้วย
|
........................................Landscape........................................
|
|
สระว่ายน้ำ Free form ด้านหน้าห้องพักแบบ The World Residence
|
3. บ้านอิงนที : “บ้านอิงนที” มีลักษณะเป็นกระท่อมปีกไม้สักจำนวน 3 หลัง เรียงตัวอยู่ใกล้กับฐานกิจกรรมผจญภัยทางน้ำ (The River Kwai X – Treme) และลานกิจกรรมเล่นรอบกองไฟ (Campfire) สำหรับบุคคลทั่วไปซึ่งโดยสารรถไฟผ่านเส้นทางสถานีถ้ำกระแซจะสามารถมองเห็นกลุ่ม “บ้านอิงนที” ได้อย่างชัดเจนในขณะที่หัวรถจักรค่อยๆ ลากตู้โดยสารคืบคลานผ่าน “โค้งสะพานมรณะ (The Deadly Curved Bridge)”.....ด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้เอง.....จึงทำให้ “บ้านอิงนที” กลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” (เพราะใครๆ ที่นั่งรถไฟผ่านมาต่างก็สามารถมองเห็นกลุ่มกระท่อมปีกไม้สักจำนวน 3 หลังของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ซึ่งมีชื่อว่า “บ้านอิงนที” นี้ได้โดยง่าย) ภายใน “บ้านอิงนที” มีสิ่งอำนวยความสะดวกไม่แตกต่างไปจาก “บ้านอิงชล” หากแต่ “บ้านอิงนที” นั้นมีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางกว่า (บ้านอิงนที 1 หลังประกอบไปด้วย 1 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำครับ)
|
มุมรับประทานอาหารที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกลสุดสายตา
ทั้งฟากฟ้า ขุนเขา แม่น้ำแควน้อย และ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
|
|
...................................เรือนอาหารชมสะพาน...................................
|
4. บ้านอิงดอย : บนเนินเขาเตี้ยๆ ด้านหลัง “บ้านอิงชล” มีการก่อสร้างกระท่อมปีกไม้สักไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อีก 4 หลัง เรียกชื่อว่า “บ้านอิงดอย” ภายในแบ่งแยกพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สามารถจุนักท่องเที่ยวรวมได้สูงสุดถึง 12 ท่าน “บ้านอิงดอย” มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เฉกเช่นเดียวกับ “บ้านอิงชล” และ “บ้านอิงนที” ด้านหน้ามีระเบียงรับลมที่นักท่องเที่ยวสามารถมองลงไปเห็น “บ้านอิงชล” ซึ่งเรียงรายอยู่เบื้องล่างได้
|
...............ถ้าได้มานั่งชมน้ำ.....ชมฟ้า ที่ตรงนี้นานๆ ก็คงดีไม่น้อยเลย...............
|
|
.........................The World Express @ The Pool........................
|
5. The Journey Suite Six Collections : พบกับห้องพัก 6 สี 6 รูปแบบของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ซึ่งเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 แต่ละห้องมีพื้นที่ใช้สอยภายใน 40 ตารางเมตร เพดานสูง 2.8 เมตร ตกแต่งอย่างหรูหรางดงามด้วยวัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยม มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งโทรทัศน์สีจอ LCD ขนาด 32 นิ้วพร้อมรายการ UBC Gold Package , ตู้เย็น , เครื่องปรับอากาศ Mitsubishi ขนาด 18,000 BTU , เครื่องทำน้ำอุ่นขนาด 4,500 Watt พร้อมฝักบัวซึ่งปรับแรงดันน้ำได้ 6 รูปแบบ , ที่นอน Spring อย่างดีขนาด 5 ฟุต จำนวน 2 หลัง พร้อมชุดเครื่องนอนผ้าฝ้าย 100% , มีเก้าอี้นวมขนาดใหญ่ (Sofa) พร้อมโต๊ะกลางเสริมความสะดวกสบายให้ความรู้สึกเหมือนอยู่กับบ้าน.....นอกจากนี้ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ยังได้เพิ่มความวาบหวามให้แก่เหล่าบรรดาคู่รักโดยการออกแบบห้องน้ำของ The Journey Suite Six Collections ให้มีลักษณะเป็น Erotic Style คือใช้หน้าต่างกระจกฝ้าบางๆ เพื่อให้สามารถมองเห็นเงารางๆ ของผู้ที่กำลังอาบน้ำอยู่ได้ถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ภายในห้องนอน
|
.........................ภายในห้องพัก The World Studio @ The Pool.........................
|
|
สวนไทรโยค รีสอร์ท ออกแบบห้องพักบางประเภทให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับในตู้รถไฟ
|
6. The Victorian Vintage : ห้องพักลักษณะ Vintage Style ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากศิลปะสมัยสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร (Queen Victoria : Queen of the United Kingdom of Great Britain and Ireland) “สวนไทรโยค รีสอร์ท” เริ่มเปิดให้บริการห้องพักประเภทนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2555 ด้วยจำนวนรวมทั้งหมด 9 ห้อง แต่ละห้องมีพื้นที่ใช้สอยราว 70 ตารางเมตร ภายในห้องพักประกอบไปด้วยที่นอนขนาด 5 ฟุต จำนวน 4 หลังและ Daybed อีก 1 ตัว มีห้องอาบน้ำและห้องสุขาอย่างละ 2 ห้อง พร้อมด้วยอ่างล้างมือและตู้เสื้อผ้าอีกห้องละ 2 ชุด ส่วนสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็มีจัดเตรียมเอาไว้ให้ไม่แตกต่างไปจากห้องพักแบบอื่นๆ (อาทิเช่น โทรทัศน์จอ LCD , กล่องรับสัญญาณ Cable TV , ตู้เย็น , เครื่องปรับอากาศ , เครื่องทำน้ำอุ่น เป็นต้น) รวมแล้วห้องพักแบบ The Victorian Vintage ของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” นั้นสามารถจุนักท่องเที่ยวได้สูงสุดถึง 9 คน/ห้องเลยทีเดียว
|
...................................ไทรย้อย ณ สวนไทรโยค...................................
|
|
.............................................ยามเย็น.............................................
|
7. The World Residence : นี่คือกลุ่มห้องพักสุดหรูของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จำนวน 16 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกับสระว่ายน้ำ Free Form ซึ่งมีความยาว 14 เมตร กว้าง 7 เมตร และมีความลึกสูงสุด 1.8 เมตร (สระเด็กมีความลึก 0.8 เมตร) ภายในสระน้ำแห่งนี้มีระบบน้ำวน 6 ตำแหน่ง นักท่องเที่ยวสามารถลงแช่แล้วปล่อยให้แรงดันน้ำนวดเฟ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายเพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อจากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี (สระว่ายน้ำเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 – 20.00 น.ครับ)
|
ถ้าผู้หญิงยังกล้าเล่นกิจกรรมแบบนี้ แล้วผู้ชายอกสามศอกยังจะต้องกลัวอะไร ?
|
|
...................................รอกร่อนกลางเวหา...................................
|
ในส่วนของห้องพัก The World Residence จำนวน 16 ห้องนั้นยังสามารถแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามลักษณะการตกแต่งได้อีก 3 ประเภท คือ
7.1 The World Studio @ The Pool : ห้องพักแบบ Studio จำนวน 7 ห้อง 7 รูปแบบ.....โดยทาง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้ตั้งชื่อแต่ละห้องขึ้นตามชื่อเมืองหลวงของเหล่าบรรดาประเทศที่เข้าร่วมรบในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้แก่ The London Studio , The Paris Studio , The Moscow Studio , The Berlin Studio , The Washington D.C. Studio , The Tokyo Studio และ The Bangkok Studio
|
...................................The Journey Suite Six Collections...................................
|
|
.............................................ในบ้านอิงนที.............................................
|
การตกแต่งภายใน The World Studio @ The Pool นั้นดูเรียบง่ายและสวยงาม บนฝาผนังประดับภาพพิมพ์รูปเครื่องบินรบสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และสัญลักษณ์ของประเทศต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ (ภาพพิมพ์บนฝาผนังจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปตามชื่อห้องพักครับ) ภายในห้องพักมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งโทรทัศน์จอ LCD พร้อมกล่องรับสัญญาณ Cable TV , ตู้เย็น , เครื่องปรับอากาศ , เครื่องทำน้ำอุ่น มีบานหน้าต่างกระจกฝ้าเล็กๆ ที่สามารถเปิดทะลุระหว่างห้องน้ำและห้องนอนสร้างบรรยากาศอันเย้ายวนให้แก่เหล่าบรรดาคู่รัก.....ทางด้านทิศตะวันตกมีระเบียงนอกห้องพร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวนั่งพักผ่อนชมทิวทัศน์ของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จากมุมสูง
|
...................................ที่นี่ ถ้ำเชลย อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี...................................
|
|
...................................หินย้อยงดงามราวกับม่านน้ำตก...................................
|
7.2 The World Express @ The Pool : ประวัติศาสตร์ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับ “เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway)” ได้ทำให้ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ตัดสินใจนำเอาแนวความคิดที่จะก่อสร้างห้องพักให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับตู้รถไฟมาใช้ ด้วยเหตุนี้ห้องพัก The World Express @ The Pool จำนวน 7 ห้อง 7 สีสัน จึงถูกออกแบบตกแต่งจนเกือบจะดูเหมือนห้องนอนภายในตู้รถไฟสุดหรู และมีการนำเอาชื่อขบวนรถไฟสำคัญๆ ของโลกในแต่ละยุคสมัยมาตั้งเป็นชื่อห้อง ได้แก่ The Rocket 1829 , The Flying Dutchman 1849 , The Riviera Express 1904 , The Blue Train 1923 , The Glacier Express 1930 , The Canadian Pacific 1949 และ The Oriental Express 1972
|
คุณทราบไหมว่า ถ้ำเชลย ตั้งอยู่ห่างจาก สวนไทรโยค รีสอร์ท เพียงแค่ 1 กิโลเมตร ?
|
|
...............บันไดเหล็ก.....ห้องดนตรี.....โถงถ้ำ.....ช้างเอราวัณ...............
|
ภายในห้องพักแบบ The World Express @ The Pool แต่ละห้องประกอบไปด้วยที่นอนขนาด 5 ฟุตจำนวน 4 หลัง ผนังและเพดานฝั่งหัวนอนประดับลายไม้ซึ่งดัดเป็นรูปทรงโค้ง มีห้องอาบน้ำและห้องสุขาอย่างละ 1 ห้อง อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมสรรพตามมาตรฐานของ The World Residence.....ห้องพักประเภท The World Express @ The Pool นี้สามารถจุนักท่องเที่ยวได้สูงสุดถึง 8 คน จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนเป็นกลุ่มขนาดย่อม
|
หินงอกหินย้อยบางก้อนก็มีลักษณะคล้ายคลึงกับใบหน้าอันทุกข์ทรมาน
ของเหล่าเชลยศึกในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา
|
|
.........................ป่าไผ่ระหว่างทางเดินเท้าสู่ ถ้ำเชลย.........................
|
7.3 The World Duplex @ The Pool : จากข้อเท็จจริงธรรมดาๆ ตามธรรมชาติที่ว่า.....พื้นผิวเปลือกโลกนั้นสามารถแบ่งแยกออกได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ผืนแผ่นดินและมหาสมุทร นำมาสู่แก่นความคิดในการออกแบบตกแต่งห้องพักระดับ Premium ที่แตกต่างกัน 2 ห้องของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ด้วยงบประมาณกว่า 2 ล้านบาท ได้แก่ The Continental Duplex @ The Pool และ The Ocean Duplex @ The Pool (.....ว่ากันว่า.....ห้องพักทั้ง 2 แบบนี้ถือเป็นห้องพักซึ่งมีความหรูหราสวยงามในระดับแนวหน้าของจังหวัดกาญจนบุรีเลยทีเดียวครับ)
|
....................โฉมหน้ามัคคุเทศก์อาวุโสผู้ควบคุมการล่องแพเปียก....................
|
|
จาก เส้นทางรถไฟสายมรณะ สะพานถ้ำกระแซ
เราสามารถมองเห็นขบวนแพซึ่งถูกลากทวนลำน้ำแควน้อยขึ้นไปได้อย่างแจ่มชัด
|
The Continental Duplex @ The Pool ตกแต่งภายในโดยใช้ลักษณะสี Earth Tone ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายตา มีเตียงนอน 4 เสา จำนวน 2 หลัง มีห้องน้ำ 1 ห้อง ใช้ผ้าม่าน ผ้าคาดเตียง กระเบื้อง ประดับลวดลายเถาไม้เลียนแบบลักษณะศิลปะสมัยจักรวรรดิโมกุล (Mughal Empire : จักรวรรดิโมกุล คือ จักรวรรดิซึ่งมีอำนาจปกครองอนุทวีปอินเดียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 – 19 ครับ) และจากหน้าต่างห้องพักก็ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำแควน้อยเบื้องล่างได้ด้วย
|
...................................ท่ามกลางธรรมชาติ...................................
|
|
...................................ประกาศ ! เพื่อความปลอดภัย...................................
|
The Ocean Duplex @ The Pool ตกแต่งโดยเน้นรูปแบบสีเขียวอมฟ้า ให้ความรู้สึกสงบเย็นราวกับอยู่ใต้ผืนมหาสมุทร ภายในมีเตียงนอนขนาด 5 ฟุต จำนวน 2 หลัง และมีห้องน้ำ 1 ห้อง บริเวณหัวนอนประดับผ้าบุหัวเตียงลักษณะศิลปะทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมไม่แตกต่างไปจากห้องพัก The World Residence ประเภทอื่นๆ แต่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้จัดชุด Home Theater DVD เอาไว้เพื่อเพิ่มอรรถรสแห่งความบันเทิงให้สำหรับนักท่องเที่ยวที่เลือกใช้บริการห้องพัก The World Duplex @ The Pool ทั้ง 2 ประเภทนี้
|
...................................พายเรือหาปลา...................................
|
|
บางครั้งการล่องแพก็ทำให้เราได้มองเห็น เส้นทางรถไฟสายมรณะ ในมุมใหม่ ๆ
|
ปล่อยอารมณ์..ชมสะพาน..นั่งรับประทานอาหารเพลินๆ
นอกเหนือไปจากทิวทัศน์อันสวยงาม กิจกรรมสนุกๆ หลากหลาย และห้องพักระดับมาตรฐานแล้ว “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ก็ยังมี “เรือนอาหารชมสะพาน” ที่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.30 – 21.00 น. (มีอาหารเช้าบริการฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักใน “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ครับ) สำหรับรายการอาหารขึ้นชื่อที่เคยได้รับการแนะนำจากเชลล์ชวนชิม , คอลัมน์เที่ยวไปกินไป หรืออนุสาร อ.ส.ท. มีตัวอย่างเช่น ปลาทับทิมลงสรงมะพร้าวเดือด (ฉู่ฉี่ปลาทับทิมทอดรสเข้มข้น) ปลาคังพุน้ำร้อน (ปลาคังลวกจิ้มสูตรสมุนไพร) ยำเชลยศึก (ยำเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หมู กุ้ง หมึก) ปลารากกล้วยทรงเครื่องทอด เป็นต้น
|
ฝูงปลาตะเพียนหางแดงซึ่งแหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำแควน้อยบริเวณแพอิงธาร
|
|
........................................กลุ่มกระดุมทอง........................................
|
“เรือนอาหารชมสะพาน” เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วไปทุกประเภท (ไม่จำเป็นต้องพักค้างคืนที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ก็สามารถใช้บริการ “เรือนอาหารชมสะพาน” ได้ครับ) โดยในระหว่างการรับประทานอาหารนักท่องเที่ยวยังสามารถปล่อยอารมณ์นั่งชมทิวทัศน์ของ “สะพานถ้ำกระแซ” หรือ “โค้งสะพานมรณะ” ซึ่งเป็นสะพานไม้ทางรถไฟที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยได้อีกด้วย
การเดินทางสู่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท”
การเดินทางโดยรถไฟ : “สวนไทรโยค รีสอร์ท” นับเป็นหนึ่งในรีสอร์ทเพียงแค่ไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวสามารถแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟแล้วเดินลงตรงสถานีด้านหน้ารีสอร์ทได้แบบพอดิบพอดี (มีป้ายหยุดรถไฟ “สถานีถ้ำกระแซ” ตั้งอยู่ด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” พอดี) เพราะฉะนั้นนักท่องเที่ยวซึ่งไม่มีรถยนต์ส่วนบุคคลก็ยังสามารถเดินทางมาที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ได้อย่างไม่ยากลำบากนัก (จุดลงรถไฟอยู่ห่างจากส่วนต้อนรับด้านหน้ารีสอร์ทไม่เกิน 150 เมตรเท่านั้นเองครับ)
|
สวนไทรโยค รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทเพียงแค่ไม่กี่แห่งในประเทศไทย
ที่คุณสามารถนั่งรถไฟมาลงตรงหน้ารีสอร์ทได้แบบพอดิบพอดี
|
|
........................................ศาลาชมแคว........................................
|
ผู้ที่ต้องการเดินทางมายัง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ด้วยรถไฟ สามารถขึ้นรถไฟดีเซลรางได้ที่สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) ด้านหลัง รพ.ศิริราช แล้วมาลงที่สถานีถ้ำกระแซ (ป้ายข้างๆ ตู้โดยสารรถไฟดีเซลรางจะระบุไว้ว่าต้นทาง “สถานีบางกอกน้อย” ปลายทาง “สถานีน้ำตก” ครับ) .....ทั้งนี้.....มีข้อควรระวังสำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งจะเดินทางมายัง “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ด้วยรถไฟ คือ สถานีถ้ำกระแซจะมีป้ายหยุดรถ 2 จุด แต่ละจุดตั้งอยู่ห่างกันราว 400 เมตร.....จุดแรกตั้งอยู่ด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ส่วนอีกจุดหนึ่งจะอยู่บริเวณด้านหน้า “ถ้ำกระแซ” นักท่องเที่ยวซึ่งจะเข้าพักที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” จะต้องลงรถไฟ ณ ป้ายหยุดรถด้านหน้ารีสอร์ทแบบพอดิบพอดี (แนะนำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถไฟด้วยว่าต้องการจะลงหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ไม่ใช่ลงหน้า “ถ้ำกระแซ” นะครับ) เพราะหากนั่งรถไฟไปลงที่หน้า “ถ้ำกระแซ” ก็จะต้องแบกกระเป๋าเดินย้อนมาตาม “โค้งสะพานมรณะ (The Deadly Curved Bridge)” อีกเป็นระยะทางราว 400 เมตร จึงจะกลับมาถึงด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท”
|
...................................การร่ำลาของแสงตะวัน...................................
|
|
........................................รุ่นเก่า เก๋า กึก........................................
|
.....ส่วนขากลับ.....นักท่องเที่ยวก็สามารถแบกกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถไฟจากป้ายหยุดรถบริเวณด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” มุ่งตรงไปยังสถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) ได้โดยจะมีขบวนรถวิ่งให้บริการทุกๆ วัน.....วันละ 2 เที่ยว [ท่านสามารถตรวจสอบตารางเวลาเดินรถไฟไป – กลับจาก “สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี)” ถึง “สถานีน้ำตก (กาญจนบุรี)” ได้ทางด้านล่างครับ]
ตารางเวลาเดินรถไฟ
|
เที่ยวขึ้น : ต้นทาง “สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี)” – ปลายทาง “สถานีน้ำตก” |
สถานี |
รอบเช้า |
รอบบ่าย |
ออกเวลา |
ถึงเวลา |
ออกเวลา |
ถึงเวลา |
บางกอกน้อย |
7.40 น. |
|
13.50 น. |
|
กาญจนบุรี |
|
10.50 น. |
|
16.30 น. |
สะพานแควใหญ่ |
|
10.56 น. |
|
16.36 น. |
ท่ากิเลน |
|
11.47 น. |
|
17.35 น. |
*ถ้ำกระแซ |
|
12.02 น. |
|
17.53 น. |
วังโพธิ์ |
|
12.15 น. |
|
17.56 น. |
น้ำตก |
|
12.40 น. |
|
18.20 น. |
เที่ยวล่อง : ต้นทาง “สถานีน้ำตก” – ปลายทาง “สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี)”
|
สถานี |
รอบเช้า |
รอบบ่าย |
ออกเวลา |
ถึงเวลา |
ออกเวลา |
ถึงเวลา |
น้ำตก |
5.25 น. |
|
13.00 น. |
|
วังโพธิ์ |
|
5.48 น. |
|
13.23 น. |
*ถ้ำกระแซ |
|
6.03 น. |
|
13.37 น. |
ท่ากิเลน |
|
6.22 น. |
|
13.52 น. |
สะพานแควใหญ่ |
|
7.13 น. |
|
14.42 น. |
กาญจนบุรี |
|
7.20 น. |
|
14.51 น. |
บางกอกน้อย |
|
10.05 น. |
|
17.36 น. |
* ที่ตั้งของ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” อยู่ติดกับสถานีรถไฟ “ถ้ำกระแซ” (กรุณาอ่านคำแนะนำสำหรับการเดินทางโดยรถไฟทางด้านบนอย่างละเอียด มิฉะนั้นท่านอาจขึ้น – ลงรถไฟผิดไปจากพิกัดที่ควรจะเป็นได้)
** ท่านสามารถสอบถามวิธีการเดินทางไปยังสถานีรถไฟบางกอกน้อย (ธนบุรี) , อัตราค่าโดยสาร และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ เกี่ยวกับการเดินทางโดยรถไฟสายนี้ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 – 4113100 หรือ 02 – 4113102
|
|
........................................สุริยารัศมี........................................
|
|
........................................Campfire & Lightflare........................................
|
.....อย่างไรก็ตาม.....ถึงแม้ว่าการเดินทางโดยรถไฟดีเซลรางจะให้ความสะดวกสบายอยู่พอสมควร อีกทั้งยังมีโอกาสได้นั่งชื่นชมทิวทัศน์สวยๆ ตลอดสองข้างทางรถไฟตั้งแต่กรุงเทพมหานครเรื่อยไปจนกระทั่งถึงจังหวัดกาญจนบุรี แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความรวดเร็วหรือรู้สึกว่าการเดินทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) นั้นช่างเป็นเรื่องที่ยากลำบากก็สามารถขับรถยนต์ส่วนบุคคลมาได้ เนื่องจากบริเวณด้านหน้า “สวนไทรโยค รีสอร์ท” มีลานจอดรถกว้างขวาง
|
........................................แสงสุดท้าย........................................
|
|
.............................................End of Day.............................................
|
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล : จากตัวเมืองกาญจนบุรีให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 มุ่งหน้าไปทาง อ.ไทรโยค ผ่านสี่แยกบ้านเก่าไปราว 15 กม.จะพบกับสามแยกปราสาทเมืองสิงห์ (มีป้ายบอกทางไป “ปราสาทเมืองสิงห์” บริเวณสามแยกดังกล่าว) ให้ขับรถผ่านสามแยกปราสาทเมืองสิงห์ตรงต่อไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 323 อีกราว 3 กิโลเมตร จะพบกับสามแยกอีกแห่งหนึ่งซึ่งมีป้ายบอกทางที่แสดงสัญลักษณ์ว่าเลี้ยวซ้ายไป “ถ้ำกระแซ” และ “สวนไทรโยค รีสอร์ท”.....ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณสามแยกดังกล่าวแล้วขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ จนกระทั่งข้ามทางรถไฟไปประมาณ 500 เมตร จะพบกับสี่แยกกลางหมู่บ้านวังสิงห์และป้ายบอกทางเลี้ยวขวาไป “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ให้เลี้ยวขวาตามป้ายบอกทางดังกล่าวแล้วขับรถตรงไปเรื่อยๆ อีกราว 7 กิโลเมตร (ขับรถตรงตามถนนไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องสนใจทางแยกซ้ายขวาใดๆ ทั้งสิ้นครับ) จะพบกับ “สถานีรถไฟถ้ำกระแซ” และ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ตั้งอยู่ที่สุดปลายถนนสายนี้ (กรุณาดูแผนที่ “สวนไทรโยค รีสอร์ท” ประกอบคำอธิบายได้ทางด้านล่างครับ)
ภาพถ่ายสวนไทรโยค รีสอร์ท เส้นทางรถไฟสายมรณะ 398 , 399 , 400
ถ่ายโดย : อรชร ลลิตผสาน
ภาพถ่ายอื่นๆ รวมจำนวนทั้งหมดอีก 143 ภาพ ถ่ายโดย : ตฤณ ณ อัมพร
เขียนบทความโดย : ตฤณ ณ อัมพร
ข้อมูลอ้างอิง : การลงพื้นที่เก็บข้อมูลจริงของทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม ,
หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 , สวนไทรโยค รีสอร์ท , การรถไฟแห่งประเทศไทย
สงวนลิขสิทธิ์โดย : เว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com)
โปรโมชั่นห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท ราคาถูก/ราคาประหยัด
|
ห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท
(Suansaiyoke Resort)
|
ราคา (บาท)
|
แพอิงธาร
(พักได้ 2 ท่าน)
|
1,400
(walk in 1,500)
|
บ้านอิงชล
(พักได้ 2 ท่าน)
|
1,700
(walk in 1,800)
|
บ้านอิงนที
(พักได้ 2 ท่าน)
|
2,390
(walk in 2,500) )
|
The Journey Suite Six Collections
(พักได้ 2 ท่าน)
|
2,790
(walk in 2,900)
|
The World Studio @Thepool
(พักได้ 2 ท่าน)
|
3,090
(walk in 3,300)
|
The World Express @Thepool
(พักได้ 4 ท่าน)
|
3,790
(walk in 4,000)
|
The Victorian Vintage
(พักได้ 4 ท่าน)
|
4,790
(walk in 5,000) |
บ้านอิงดอย
(พักได้ 6 ท่าน)
|
6,290
(walk in 6,500)
|
The World Duplex @Thepool
(พักได้ 4 ท่าน)
|
7,490
(walk in 8,000)
|
โปรโมชั่นนี้จัดให้เฉพาะผู้ซึ่งติดต่อสำรองห้องพัก "สวนไทรโยค รีสอร์ท” ล่วงหน้า
ผ่านเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ตามเงื่อนไข &
หมายเลขโทรศัพท์ในกรอบทางด้านล่าง ตั้งแต่วันนี้ - 30 เม.ย. 64 เท่านั้น !
ราคาห้องพักรวมอาหารเช้าแล้ว
(ราคาโปรโมชั่นห้องพัก สวนไำทรโยค รีสอร์ท ไม่สามารถใช้ได้ในช่วงวันหยุดเทศกาลที่รีสอร์ทกำหนด)
|
Package Tour สวนไทรโยค รีสอร์ท 2 วัน 1 คืน ราคาพิเศษ !!
|
แบบประหยัด
|
1,800
(walk in 1,880 บาท/ท่าน)
|
แบบ Silver Package
|
2,100
(walk in 2,180 บาท/ท่าน)
|
แบบ Gold Package
|
2,300
(walk in 2,380 บาท/ท่าน)
|
แพกเกจ สวนไทรโยครีสอร์ท 2 วัน 1 คืน รับสำรองตั้งแต่ 10 ท่านขึ้นไป
|
Package Tour สวนไทรโยค รีสอร์ท 3 วัน 2 คืน ราคาพิเศษ !!
|
แบบ Silver Package
|
2,700
(walk in 2,780บาท/ท่าน)
|
แบบ Gold Package
|
3,100
(walk in 3,180บาท/ท่าน)
|
แพกเกจ สวนไทรโยครีสอร์ท 3 วัน 2 คืน รับสำรองตั้งแต่ 10 ท่านขึ้นไป
|
รับทันที !! ส่วนลดโปรโมชั่นห้องพัก "สวนไทรโยค รีสอร์ท"
ราคาพิเศษ !!
เฉพาะผู้ซึ่งติดต่อสำรองห้องพัก พร้อมทั้งชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนล่วงหน้า
ผ่านเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ตามหมายเลขโทรศัพท์ :
(089) 137-8702 , (084) 145-0957 , (094) 251-9214 Fax. (02) - 981-4599
Line ID : thongteaw2 , thongteaw.com ,
www.thongteaw.com , trin.thongteaw.com , cimlee
กรุณาติดต่อสำรองห้องพักล่วงหน้าอย่างน้อย 14 - 21 วัน ขอบคุณครับ/ค่ะ
หมายเลขโทรศัพท์ & Line ID ข้างต้น
ใช้เพื่อการติดต่อสำรองห้องพัก "สวนไทรโยค รีสอร์ท" ล่วงหน้าเท่านั้น !!
กรณีไม่สะดวกสำรองห้องพัก พร้อมทั้งชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนล่วงหน้า
กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมบริเวณส่วนต้อนรับด้านหน้า "สวนไทรโยค รีสอร์ท"
และชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในราคา Walk In
ตามปกติ (ไม่มีโปรโมชั่นส่วนลดใด ๆ) ครับ/ค่ะ
|
รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการสำรองห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyoke Resort)
เงื่อนไขการจอง และการชำระเงิน
1. บริการจองห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyoke Resort) นี้จัดให้เฉพาะผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอมซึ่งติดต่อจองล่วงหน้าตามเงื่อนไขด้านล่างต่อไปนี้และมีผลตั้งแต่วันนี้ - 30 เมษายน 2564
2. โทรศัพท์ตรวจสอบห้องพักว่าง ตามหมายเลขติดต่อ (089) 137-8702 , (084) 145-0957 , (094) 251-9214
3. กรณีมีห้องพักว่าง กรุณาชำระเงินเต็มจำนวนของค่าใช้จ่ายทั้งหมดเพื่อทำการจองห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyoke Resort)
4. หลังจากชำระเงินค่าใช้จ่ายแล้ว กรุณาโทรแจ้งการชำระเงินตามหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อจองห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyoke Resort)ในข้อ 2.
5. หลังจากทีมงานตรวจสอบยืนยันการชำระค่าใช้จ่ายเสร็จเรียบร้อย ท่านจะได้รับหลักฐานยืนยันการจองภายใน 24 - 72 ชม. ทางอีเมล์ เพื่อนำไปแสดงในวันเดินทาง (กรณีที่ทีมงานตรวจสอบไม่พบการโอนค่าใช้จ่ายจริง ทีมงานจะติดต่อขอให้ท่านส่งหลักฐานการชำระค่าใช้จ่ายมาทางอีเมล์หรือแฟกซ์เพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง)
6. เว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ไม่มีความประสงค์หรือนโยบายใด ๆ ที่จะกระทำการเพื่อหลอกลวง ทุจริต หรือ ฉ้อโกงท่านในทุกกรณี หากทางเว็บไซต์ไม่สามารถสำรองห้องพักตามเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้นนี้ให้แก่ท่านได้ ทางเว็บไซต์ยินดีคืนค่าใช้จ่ายซึ่งท่านได้ชำระไว้แล้วเต็มจำนวนให้ทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
การชำระเงิน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารด้านล่างนี้เท่านั้น
บัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาเมืองทองธานีซิตี้เซ็นเตอร์ 2
ชื่อบัญชี : Thongteaw.com (ท่องเที่ยวดอทคอม)
เลขที่บัญชี : 402-222838-7
|
การแจ้งยกเลิก / เปลี่ยนแปลงการจองห้องพัก สวนไทรโยค รีสอร์ท (Suansaiyoke Resort)
วันปกติ : กรณีแจ้งยกเลิก / เลื่อนการเดินทางก่อนวันเดินทาง 15 วันขึ้นไป
หักค่าดำเนินการ 290 บาทต่อห้องพัก 1 ห้อง
: กรณีแจ้งยกเลิก / เลื่อนการเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ขอสงวนสิทธิ์ในการงดคืนเงินค่าห้องพัก
เทศกาล : กรณีแจ้งยกเลิก / เลื่อนการเดินทางก่อนวันเดินทาง 21 วันขึ้นไป
หักค่าดำเนินการ 290 บาทต่อห้องพัก 1 ห้อง
: กรณีแจ้งยกเลิก / เลื่อนการเดินทางน้อยกว่า 21 วัน ขอสงวนสิทธิ์ในการงดคืนเงินค่าห้องพัก
ราคานี้มีผลตั้งแต่ วันนี้ - 30 เมษายน 2564 เท่านั้น
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง >> : ที่พัก/โรงแรม/รีสอร์ท ในจ.กาญจนบุรี
|