พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และงานเทศกาลว่าวนานาชาติ
อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
(ดูภาพด้านล่าง)
สิ่งที่น่าสนใจ
เป็นพระราชวังสำคัญ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เพื่อเป็นที่ประทับในฤดูร้อน องค์พระที่นั่งและ ส่วนประกอบต่าง ๆ ทำจากไม้เป็นหลัก ทำให้เห็นถึงความงดงาม กลมกลืนไปกับธรรมชาติได้อย่างน่าทึ่ง
พระราชนิเวศน์ ซึ่งประกอบด้วยพระที่นั่งใหญ่ 3 องค์ มีนามเรียงกันจากชั้นในสุดมาจนถึงประตูพะราชนิเวศน์ด้านหน้า ดังนี้
1.พระที่นั่งสมุทรพิมาน เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาคารหลังใหญ่สุดทรงใช้เป็นห้องบรรทม ห้องแต่งพระองค์ ห้องทรงพระอักษร และห้องสรง ส่วนห้องเสวยเป็นศาลารูปสีเหลี่ยม มีลูกกรงรอบไม่กั้นฝา
2.พระที่นั่งพิศาลสาคร เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระวรชายา นอกจากพระที่นั่งแล้วยังมีเรือนเล็กๆ เป็นที่อยู่ของข้าราชการฝ่ายใน
3.พระที่นั่งเสวกามาตย์ เป็นอาคารสองชั้น มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเปิดโล่ง ทั้งชั้นล่างและชั้นบนทรงใช้เป็นโรงละครและที่ชุมชนในโอกาสต่างๆ
ข้อแนะนำ
1.ห้องต่าง ๆ ภายในพระราชนิเวศน์ ห้ามถ่ายรูป
2.การรถไฟแห่งประเทศไทยมีจัดรถไฟท่องเที่ยวมายังพระราชนิเวศน์ทุกวันหยุด ติดต่อ ท่องเที่ยวทางรถไฟ เช้าไป - เย็นกลับ
การเดินทาง อยู่บริเวณค่ายพระรามหก ต.ห้วยเหนือ อ.ชะอำ เดินทางโดยรถยนต์จาก อ.ชะอำ ไปตามถนนเพชรเกษมจนถึงหลักกม.216 ถึงประตูทางเข้าค่ายพระรามหก ขับตรงไปตามป้ายจะพบพระราชนิเวศน์ตั้งอยู่ริมทะเล
|
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และกลุ่มเณรน้อยเจ้าปัญญา |
|
ภายใน - ภายนอกพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และทีมงานของเรา |
งานเทศกาลว่าวเทศกาลว่าวนานาชาติ
ว่าวเป็นกีฬาพื้นบ้านของประเทศไทยที่มีมาช้านานตั้งแต่สมัยสุโขทัย แต่หากถามถึงจุดกำเนิดของว่าวว่ามีการเริ่มประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศใดหรือในสมัยใดนั้นก็คงตอบได้ลำบาก เนื่องจากว่าวส่วนใหญ่ประดิษฐ์ขึ้นจากวัสดุซึ่งไม่คงทนและผุพังได้ง่าย ทำให้หลักฐานทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับว่าวต่าง ๆ สูญหายไปตามกาลเวลา ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์การเล่นว่าวเริ่มเป็นที่นิยมแพร่หลายเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาติให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ท้องสนามหลวงเป็นสถานที่เล่นว่าวได้ แม้ว่าในยุคข้อมูลข่าวสารสมัยปัจจุบันนี้การเล่นว่าวอาจจะด้อยความนิยมลงไปมาก แต่ยามที่ลมว่าว(ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) เริ่มต้นพัดมาในช่วงต้นฤดูหนาว(ประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน) ไปจนกระทั่งถึงเวลาอำลาจากของลมตะเภา(ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้) ในช่วงปลายฤดูร้อน(ประมาณปลายเดือนเมษายน) เราก็จะสามารถเห็นว่าวหลากรูปลักษณ์หลายสีสันทะยานขึ้นประชันโฉมอยู่บนฟากฟ้าของท้องสนามหลวง จ.กรุงเทพมหานคร อย่างละลานตา แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์และมนต์ขลังทางประเพณีวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าบางส่วนที่ยังคงได้รับการอนุรักษ์และสืบสานอยู่ภายในเครื่องเล่นอันน้อย ๆนี้อย่างไม่เสื่อมคลาย แน่นอนว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศเดียวซึ่งรู้จักกับการเล่นว่าว “เทศกาลว่าวนานาชาติ (International Kite Festival)” จึงถูกริเริ่มจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยมีผู้รับผิดชอบหลัก คือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เทศกาลว่าวนานาชาติที่จัดขึ้นนี้นอกจากจะเป็นการสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจกิจกรรมการเล่นว่าวมากขึ้นแล้ว ยังมีจุดประสงค์หลักในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างถิ่นให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวภายในพื้นที่ซึ่งมีการจัดงานเทศกาลอีกด้วย สำหรับพื้นที่ในการจัดงานเทศกาลว่าวนานาชาตินี้จะมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปในหลาย ๆ จังหวัดโดยพิจารณาถึงศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว ,การมีสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง ,รวมถึงความสะดวกสบายในการเดินทาง ฯลฯ (ตัวอย่างสถานที่ซึ่งเคยจัดงานเทศกาลว่าวนานาชาติ เช่น ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร
จ.พระนครศรีอยุธยา ,ค่ายสมเด็จพระศรีสุริโยทัย จ.ประจวบคีรีขันธ์ ,ท้องสนามหลวง จ.กรุงเทพมหานคร ,ฯลฯ)ล่าสุดในปี พ.ศ. 2553 งานเทศกาลว่าวนานาชาติได้ถูกจัดขึ้น ณ ค่ายพระราม 6 อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี (ทางเข้าเดียวกันกับพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน) ซึ่งพวกเราทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ได้มีโอกาสมาเก็บข้อมูลภายในงานเทศกาลครั้งนี้ด้วย
|
บรรยากาศเป็นใจ เหมาะแก่การปลีกวิเวก และเข้าสู่ภวังค์ ณ เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน
ข้าง ๆ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน |
ทีมงานของเรามาถึงค่ายพระราม 6 เวลาบ่ายแก่ ๆของวันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 สภาพการจราจรภายในบริเวณงานค่อนข้างหนาแน่น รถยนต์ส่วนตัวต่อแถวรอคิวหาที่จอดรถกันยาวเหยียดราวกับหางของว่าวงู มองไปทางท้องฟ้าบริเวณสถานที่จัดงานเห็นว่าวน้อยใหญ่ลอยตัวล้อเล่นลมอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ดูสดใส สวยงาม รถซึ่งทีมงานของเราโดยสารมาค่อย ๆเขยิบเข้าใกล้บริเวณงานไปทีละน้อย ๆ ไม่เกิน 20 นาทีก็สามารถหาที่จอดรถได้ (ทีมงานตัดสินใจหาที่จอดรถซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าพื้นที่จัดงานออกมาประมาณ 300 เมตร เนื่องจากรถติดพอสมควร หากต้องการเข้าไปหาที่จอดรถใกล้ ๆกับทางเข้าพื้นที่จัดงานมาก ๆอาจต้องเสียเวลาเกือบ 1 ชม.แถมยังอาจจะไม่สามารถหาที่จอดรถได้อีกด้วยครับ) บรรยากาศภายในงานคึกคักแต่ก็ไม่แออัดสักเท่าไหร่ เนื่องจากเมื่อเทียบพื้นที่จัดงานกับจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วพื้นที่จัดงานถือว่ากว้างขวางมาก มีร้านรวงต่าง ๆมากมาย ทั้งร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ,ร้านขนมสายไหม ,ร้านจำหน่ายอาหาร เป็นต้น แต่ร้านที่โดดเด่นประจำงานนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นร้านจำหน่ายว่าวและกังหันลมหลากสีซึ่งมีทั้งว่าวงู ,ว่าวหาง ,ว่าวปลาแบบญี่ปุ่น ,กังหันลมรูปดอกไม้ ฯลฯ เด็ก ๆบางคนร้องไห้กระจองอแงเมื่อพ่อแม่ไม่ยอมซื้อว่าวสีสดสวยให้อย่างใจ ทำให้พอจะบอกได้ว่าใครพาลูก ๆหลาน ๆมางานเทศกาลว่าวนานาชาติแล้วไม่ยอมซื้อว่าวแบบที่เจ้าหนูตัวน้อยชอบให้รับรองว่าต้องปวดหัวกับเสียงหวีดร้องเล็ก ๆไปเกือบตลอดทั้งงานแน่นอน
ภายในงานเทศกาลว่าวนานาชาติมีการจัดรถรับ – ส่งนำชมบริเวณรอบงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ใครเมื่อย ๆ เบื่อ ๆก็นั่งรถกินลมชมบรรยากาศสบาย ๆไป ส่วนนักท่องเที่ยวซึ่งชื่นชอบการถ่ายภาพนั้นต้องขอบอกว่าหากกล้องของท่านไม่สามารถโฟกัสระยะไกลหลาย ๆเท่าได้ก็จะหามุมสวย ๆถ่ายภาพได้ลำบากเนื่องจากมีการกั้นแนวเขตไว้ให้ยืนชมอยู่ไกล ๆด้านนอกเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากการโดนเอ็นขึงว่าวขนาดใหญ่บาด สำหรับตัวอย่างว่าวขนาดใหญ่ที่มีให้เห็นในงานเทศกาลว่าวนานาชาติก็เช่น ว่าวหมึก ,ว่าวกระเบน ,ว่าว little mermaid ,ว่าวกามเทพ ,ว่าวหมีแพนด้า ,ว่าวเสือ ,ว่าวจระเข้ ,ว่าวนกยูงสาย ฯลฯ นอกเหนือจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆซึ่งจัดให้นักท่องเที่ยวได้รับชมดังต่อไปนี้
1.การแสดงว่าวกลางคืนในระดับนานาชาติ 2.สาธิตนิทรรศการว่าวไทย
3.สาธิตการแข่งขันว่าวจุฬาและปักเป้า 4.การแข่งขันและสาธิตว่าวผาดโผน
5.การแสดงว่าวจุฬาส่ายเร็ว 6.การแสดงว่าวต่อสู้
7.การประกวดว่าวแผง 8.การประดิษฐ์ว่าวสร้างสรรค์
9.การประกวดแผงว่าว 10.คลีนิคว่าว
11.กิจกรรมด้านศิลปะสำหรับเด็ก 12.การแสดงกระโดดร่ม
13.การแสดงและแข่งขันเครื่องบินเล็กบังคับวิทยุ
|
เปลี่ยนบรรยากาศสู่ความสดใสของว่าวหลายสัญชาติ |
|
ลมให้ชีวิตชีวาแก่บรรดานานาสัตว์บนท้องฟ้าได้โลดโผนโจนทะยานดั่งใจ |
|
แม้กระทั่งเสือ (สัตว์บก) จระเข้ (สัตว์เลื้อยคลาน) (ภาพซ้ายมือสุด)
ก็ขอมีส่วนร่วมกับบรรดาสัตว์ทะเลทั้งปลานกแก้ว ปลาหมึก(ภาพกลางและขวา) ขึ้นไปเที่ยวเล่นบนฟ้า
|
|
จะซื้อว่าวให้ผมไหม (ผมรอนานแล้วนะ) และกลุ่มว่าวนกยูง |
กิจกรรมต่าง ๆข้างต้นจะเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 10.00 – 19.00 น.โดยมีการงดกิจกรรมบางอย่างไปบ้างตามความเหมาะสม เช่น วันเสาร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2553 ตามกำหนดการซึ่งพวกเราได้รับแจ้งนั้นจะมีการลอยบอลลูนในช่วงเวลากลางคืนเวลาประมาณ 19.00 น.แต่เนื่องจากมีกระแสลมแรงทำให้จำเป็นต้องงดกิจกรรมนี้ไป เป็นต้น เพราะฉะนั้นหากท่านไม่ได้ชมกิจกรรมบางอย่างตามหมายกำหนดการก็ไม่ต้องแปลกใจ ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเรามีโอกาสได้ชมการสาธิตว่าวผาดโผนแบบทีม ขอบอกว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากกับภาพของว่าวที่โฉบเฉี่ยวฉวัดเฉวียนเป็นเลข 8 บ้างเป็นวงกลมบ้างอย่างพร้อมเพรียง บางครั้งผู้บังคับก็บังคับว่าวให้ลอยเป็นแนวต่อกันแล้วบินโชว์ลีลาความสามัคคีที่เหนือชั้นให้เห็น แนะนำว่าหากต้องการมาท่องเที่ยวเทศกาลว่าวนานาชาติล่ะก็ควรจะมาตั้งแต่ตอนเริ่มเปิดงานวันแรกช่วงสาย ๆเพื่อที่จะสามารถรับชมกิจกรรมต่าง ๆได้อย่างเต็มอิ่มและหากยังคิดว่าไม่คุ้มค่าพอก็หาที่พักใกล้ ๆบริเวณงานแล้วมาชมกิจกรรมอื่น ๆในวันรุ่งขึ้นให้จุใจก็ได้ (ปกติเทศกาลว่าวนานาชาติจะจัดขึ้นในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ประมาณเดือนมีนาคม – เมษายนของทุก ๆ 2 ปีครับ)
หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเก็บข้อมูลเทศกาลว่าวนานาชาติเมื่อ มี.ค. 2553
ท่านสามารถตรวจสอบวัน เวลาและสถานที่จัดงานเทศกาลว่าวนานาชาติในแต่ละปีได้กับเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยตาม link ต่อไปนี้ www.tat.or.th
|