เม่นทะเล
ถึงฤดูร้อนทีไรใครๆส่วนใหญ่ก็อยากไปทะเลเล่นน้ำคลายร้อนกันเกือบทั้งนั้น แต่บางครั้งความสุขสนุกที่คาดหวังไว้อาจมลายหายไปในพริบตาเพียงเพราะว่าความประมาทพลาดเผลอไปเจอะเจอกับหนามเม่นทะเลเข้าให้ก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้เองทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม(www.Thongteaw.com)ของพวกเราจึงได้ไปพยายามไปสืบค้นความรู้เกี่ยวกับแนวทางการปฐมพยาบาลง่ายๆในกรณีที่คุณๆบางท่านโดนหนามเม่นทะเลตำมาให้อ่านกัน เพื่อจะได้เป็นแนวทางการผ่อนทุกข์หนักให้กลายเป็นเบาแม้อาจจะต้องเศร้าอยู่บ้างก็ตามครับ
แต่ก่อนจะไปถึงเรื่องการปฐมพยาบาลมาทำความรู้จักกับเม่นทะเลกันก่อน เม่นทะเลส่วนมากที่เราพบเจอนั้นคือ “เม่นทะเลดำหนามยาว” (มีเม่นทะเลหนามเขียวและเม่นทะเลอื่นๆอีกหลายชนิดแต่เราจะไม่ค่อยพบเห็นกันบ่อยนักครับ)หน้าตาก็เป็นเจ้าก้อนกลมๆสีดำที่มีหนามยาวแหลมยื่นออกมาทั่วตัวเต็มไปหมด มักจะอาศัยและขยายพันธุ์อยู่อย่างมากมายภายในแนวเขตปะการังน้ำตื้นที่เสื่อมโทรมแต่ก็พบเจอได้ในระดับน้ำลึกเช่นเดียวกันและไอ้เจ้าหนามแหลมๆที่อยู่รอบๆตัวมันนี่แหละที่สร้างปัญหาให้กับนักท่องเที่ยวที่ขาดความระมัดระวังมานักต่อนักแล้ว เนื่องจากหนามของเม่นทะเลแตกหักได้ง่ายและมีต่อมน้ำพิษอยู่บริเวณส่วนปลายของหนาม ยามที่มีใครโดนหนามพิษของเม่นทะเลตำเข้าไปแล้วจึงไม่สามารถเอาหนามของมันออกได้ง่ายๆนักเพราะหนามมักจะหักหรือแตกขณะพยายามจะเอาออกและสร้างความเจ็บปวด ,ร้อน ,บวม ,แดง ,อักเสบทรมานทุรนทุรายกระวนกระวายให้แก่ผู้ประสบชะตากรรมเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีกรรมวิธีปฐมพยาบาลง่ายๆที่จะทำให้ความทุกข์ทรมานของท่านเบาบางเจือจางลงคือ
1.ทำความสะอาดบาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ(แนะนำใช้ Povidine solution หรือที่รู้จักกันในนาม Betadine ) โดยหยดยาฆ่าเชื้อลงบนสำลีหรือไม้พันสำลีสะอาด(ไม่ควรนำมือไปสัมผัสกับสำลีในส่วนที่เราจะนำไปเช็ดกับบาดแผล หากเป็นไม้พันสำลีให้จับที่ก้านไม่จับตรงส่วนที่เป็นสำลีเพราะอาจปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าสู่บาดแผลได้) เช็ดเป็นวงรูปก้นหอยจากส่วนในแผลออกสู่ส่วนรอบนอกของแผลให้เช็ดไปในทิศทางเดียว
ไม่ควรเช็ดถูวนไปมา ใช้สำลีชุบยาฆ่าเชื้อก้อนใหม่ทำความสะอาดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง(ใช้สำลี 1 ก้อนหรือไม้พันสำลี 1 ด้านต่อการเช็ด 1 ครั้ง)
2.ใช้เครื่องมือสะอาด(เช่น เข็มชุบ 70%Alcohol ,กรรไกรตัดเล็บเช็ด70%Alcohol หรือมือที่ล้างสะอาดแล้ว) พยายามเขี่ย ,คีบ หรือหยิบเอาหนามของเม่นทะเลออกให้เร็วและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
3.เนื่องจากพิษจากหนามของเม่นทะเลจะมีเอนไซม์ต่างๆ(เอนไซม์เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ในการเร่งปฏิกิริยาเคมีต่างๆให้เร็วขึ้นและเอนไซม์บางชนิดก็ทำหน้าที่ในการย่อยสลายสารต่างๆที่มันเข้าไปทำปฏิกิริยาด้วย นอกจากนี้เอนไซม์ยังทำหน้าที่อื่นๆอีกหลายประการขึ้นอยู่กับชนิดของเอนไซม์ครับ) เป็นส่วนประกอบหลักเพราะฉะนั้นโดยหลักการแล้วเราจะใช้วิธีการที่ทำให้เอนไซม์(โปรตีน)มีการสลายตัวเร็วขึ้น
สำหรับวิธีการที่ค่อนข้างสะดวกและปลอดภัยที่สุดคือ การใช้ความร้อนประคบหรือแช่อวัยวะที่บาดเจ็บในน้ำสะอาดอุ่นๆก็ได้ โดยใช้เวลาประคบหรือหรือแช่ประมาณ 10 – 15 นาทีต่อรอบ(ความร้อนที่ใช้ประมาณ 50 – 60 องศาเซลเซียส ) ทำบ่อยๆหลายๆรอบ(อย่างน้อย 2 – 3 รอบ)ก็จะช่วยให้พิษจากหนามของเม่นทะเลสลายตัวเร็วขึ้นได้ สำหรับวิธีนี้มีข้อควรระวังในผู้ซึ่งมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวานเนื่องจากผู้ป่วยซึ่งเป็นเบาหวานมานานๆและไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี เพราะผู้ป่วยเบาหวานนั้นนอกจากแผลจะหายช้าแล้วอาจมีความเสื่อมของปลายประสาทรับความรู้สึกทำให้ไม่สามารถรับรู้ถึงระดับความร้อนที่มากเกินพอดีได้ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลพุพองจากความร้อนลวกตามมาได้ อาจแก้ไขได้โดยการใช้วิธีอื่นหรือหากสะดวกกับวิธีการใช้ความร้อนควรให้ผู้ที่มีระดับความรู้สึกปกติช่วยทดสอบระดับความร้อนของลูกประคบหรือน้ำร้อนที่จะแช่เสียก่อนและประคบหรือแช่ความร้อนตามเวลาที่แนะนำ
4.หากไม่สะดวกกับการประคบร้อนหรือแช่น้ำอุ่นอาจจะใช้น้ำส้มสายชูแท้หรือน้ำมะนาวซึ่งเป็นกรดอ่อนและมีคุณสมบัติในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโปรตีนได้ ราดบริเวณแผลบ่อยๆก็จะทำให้พิษจากหนามเม่นทะเลสลายตัวได้เร็วขึ้นช่วยลดอาการปวดแสบร้อนทุรนทุรายได้แต่หากราดมากเกินไปกรดอ่อนๆนี้จะกัดบริเวณแผลและเนื้อเยื่อโดยรอบทำให้เกิดอาการแสบร้อนได้ด้วยเหมือนกัน
5.ไม่แนะนำให้ทุบ ,บีบหรือเค้นหนามเม่นทะเลให้แตกละเอียดมากขึ้นเนื่องจากการทุบ ,บีบหรือเค้นบริเวณแผลนั้นจะทำให้พิษจากหนามกระจายตัวได้มากขึ้นและก่อให้เกิดการแพ้/อักเสบเพิ่มขึ้นได้มากกว่าเดิม(แต่หากคุณเป็นขาซาดิสม์และมีความสุขกับความเจ็บปวดทรมานที่มากยิ่งๆขึ้นแล้ว.....เราก็คงไม่สามารถห้ามคุณได้) ส่วนหนามเม่นทะเลซึ่งมีสารประกอบหลักจำพวกแคลเซียมคาบอเนตที่ค้างคาบาดแผลอยู่นั้นไม่ต้องกังวลใจเพราะร่างกายของเราจะค่อยๆย่อยสลายและดูดซึมให้หายไปได้เอง
6.ทำความสะอาดแผลอีกรอบแล้วปิดแผลด้วยผ้า Gauze สะอาด
7.ไปพบแพทย์เพื่อรับยาปฏิชีวนะ(ยาฆ่าเชื้อ) ,ยาต้านการอักเสบ(ไม่ใช่ยาฆ่าเชื้อ)และฉีดยากันบาดทะยักตามความเหมาะสมต่อไป
จะเห็นได้ว่าวิธีการปฐมพยาบาลข้างต้นนั้นไม่ได้ยากเย็นเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทำได้เลยใช่ไหมครับ แต่ทางที่ดีเราแนะนำว่าควรป้องกันตนเองด้วยการลงเล่นน้ำทะเลอย่างระมัดระวังไว้จะดีกว่าต้องมานั่งแก้ไขให้ปวดแผล ,ปวดหัวจากความลำบากและปวด(เจ็บ)ใจน่าจะดีกว่านะครับ
|