วิลเลจฟาร์มแอนด์ไวน์เนอรี่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา (ดูภาพด้านล่าง)
“ไวน์ (Wine)” คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งได้มาจากกระบวนการหมักบ่มผลไม้ ข้าว หรือพืชพันธุ์ชนิดอื่นๆ แต่โดยปกติจะใช้ “องุ่น” เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต คนส่วนใหญ่จึงรู้จักไวน์ในฐานะของ “เหล้าองุ่น” (ในต่างประเทศหากใช้คำว่า “wine” เฉยๆ จะหมายถึง “เหล้าองุ่น” แต่กรณีที่ต้องการเอ่ยถึงไวน์ซึ่งได้มาจากกระบวนการหมักบ่มวัตถุดิบชนิดอื่นๆ จะต้องใส่ชื่อวัตถุดิบชนิดนั้นๆ นำหน้าคำว่า “wine” เช่น peach wine , blackberry wine , apple wine , barley wine , ginger wine เป็นต้น) และหากพูดถึงแหล่งผลิตไวน์คุณภาพดี รสชาติเยี่ยม เปี่ยมไปด้วยกลิ่นไออันชวนหลงใหลแล้วล่ะก็ คงมีคนจำนวนไม่น้อยที่นึกถึง “ประเทศฝรั่งเศส” ประเทศซึ่งมีการผลิตและบริโภคไวน์มากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก
สำหรับประเทศไทยเองก็มีการเพาะปลูกไร่องุ่นเพื่อทำการผลิตไวน์อยู่ในพื้นที่สำคัญๆ หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น อ.ภูเรือ จ.เลย , อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี , อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นต้น โดยพื้นที่แต่ละแห่งก็จะให้ผลผลิตองุ่นที่มีคุณลักษณะแตกต่างกันไปตามสภาพดิน ฟ้า อากาศ ปริมาณน้ำฝน และส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น รวมถึงคุณภาพของไวน์ที่ผลิตได้จากท้องถิ่นนั้นๆ (ในประเทศฝรั่งเศสยังมีการจัดแบ่งประเภทของไวน์ออกเป็นชนิดย่อยๆ อีกตามพื้นที่การผลิด , ผู้ผลิต และปีที่ผลิต เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสืบค้นข้อมูลต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อรสชาติ กลิ่น รวมถึงคุณภาพของไวน์ได้)
|
ด้านหลังโรงบ่มไวน์สไตล์ฝรั่งเศส "Chateau des Brumes (ชาโต เดอ บรูมส์ : ปราสาทในม่านหมอก)"
และด้านข้างอาคารโรงนาเก่าของวิลเลจฟาร์มฯ (Village Old Barn) |
ดังที่หลายๆ คนอาจจะเคยทราบมาก่อนแล้วว่า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะของแหล่งโอโซน (Ozone) อันดับ 7 ของโลก มีทัศนียภาพสวยงาม อากาศเย็นสบาย และมีหมอกจางๆ ในช่วงเช้าตรู่เกือบตลอดทั้งปี เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในเขตประเทศไทยซึ่งมีสภาวะแวดล้อมอันเหมาะสมเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกองุ่นสายพันธุ์ดีเพื่อใช้ในการผลิตไวน์ชั้นเลิศ ด้วยเหตุนี้เอง “วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)” ไร่องุ่นและโรงผลิตไวน์สไตล์ฝรั่งเศสจึงได้ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของ “ที่ราบสูงโคราช” อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
“วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)” ก่อกำเนิดขึ้นจากแนวความคิดในการพัฒนาพื้นที่เพื่อการเกษตรไปพร้อมๆ กันกับคำนึงถึงความสำคัญในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยพยายามเก็บรักษาต้นไม้ขนาดใหญ่นอกพื้นที่เพาะปลูกเอาไว้ให้ได้มากที่สุด รวมถึงก่อสร้างอาคารต่างๆ ขึ้นอย่างกลมกลืนกับสภาพภูมิทัศน์รอบข้าง ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้บรรยากาศโดยรวมของวิลเลจฟาร์มฯ ยังสามารถคงความร่มรื่นและสวยงามของแมกไม้ที่รายรอบเอาไว้ได้ แตกต่างจากไร่องุ่นหลายๆ แห่งในประเทศไทย
.........ณ จุดแรกเริ่ม....... พื้นที่การเกษตรดั้งเดิมของ “วิลเลจฟาร์ม” ใช้เพาะปลูกเพียงแค่ “ข้าวโพดหวาน” และ “มันฝรั่ง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 ผู้มาเยือนและกลุ่มเพื่อนๆ จากประเทศฝรั่งเศสได้แวะเข้ามาเยี่ยมวิลเลจฟาร์มพร้อมทั้งให้คำแนะนำเชิงกระตุ้นว่าน่าจะมีการขยายพื้นที่เพาะปลูกไร่องุ่นเพื่อผลิตไวน์ เนื่องจากวิลเลจฟาร์มตั้งอยู่ในเขตซึ่งมีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นองุ่นสายพันธุ์ดี (ที่ใช้ผลิตไวน์) ในระยะยาว หลังจากนั้นเพียงแค่ 1 ปี (ปี พ.ศ. 2542) ต้นองุ่นชุดแรกของวิลเลจฟาร์มก็เริ่มให้ผลผลิต นับเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการพัฒนาจาก “วิลเลจฟาร์ม” มาสู่ “วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)” ดังที่เป็นอยู่เช่นในปัจจุบัน
|
....................ต้นองุ่น กับ พวงองุ่น.................... |
|
มุมมองแบบกว้างไกลสุดสายตาของไร่องุ่นภายใน
"วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)"
|
อาคารโรงบ่มไวน์สไตล์ฝรั่งเศส “Chateau des Brumes (ชาโต เดอ บรูมส์ : ปราสาทในม่านหมอก)” ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อภารกิจการผลิตไวน์อันประณีตละเอียดอ่อน การผลิตไวน์ของวิลเลจฟาร์มฯ นั้นจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงค่ำคืนของฤดูเก็บเกี่ยวอันเยียบเย็น พวงองุ่นจะถูกตัดด้วยมือแล้วคัดเลือกเฉพาะองุ่นที่มีคุณภาพดีที่สุดนำเข้าสู่กระบวนการผลิตไวน์ องุ่นที่ผ่านการคัดเลือกคุณภาพเสร็จเรียบร้อยจะถูกนำมาบดและผ่านกระบวนการคัดก้านออก หลังจากจบกระบวนการคัดก้าน องุ่นซึ่งถูกบดจะถูกส่งต่อลงไปยังถังหมักเชื้อยีสต์ที่ประกอบขึ้นจากโลหะปลอดสนิม (stainless steel) เพื่อพัฒนากลิ่นและรสชาติ ภายหลังจากที่กระบวนการหมักเสร็จสมบูรณ์องุ่นจะถูกนำมารีดไวน์ออกด้วยเครื่องหีบแบบดั้งเดิม ไวน์ที่ได้จากกระบวนการหีบจะถูกกรองอย่างนุ่มนวลแล้วรินลงสู่ถังไม้โอ๊คซึ่งนำเข้าโดยตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกาเพื่อบ่มกลิ่นรส (คุณลักษณะของไวน์นอกจากจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของพื้นที่เพาะปลูกองุ่น , สายพันธุ์องุ่นที่ใช้ , กระบวนการคัดคุณภาพ , การหมัก , การหีบ และการกรองแล้ว ยังขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของถังไม้โอ๊คที่ใช้บ่มไวน์ด้วย กลิ่นรสไม่พึงประสงค์บางอย่างอาจเกิดขึ้นจากการใช้ถังไม้โอ๊คด้อยคุณภาพในการบ่มไวน์) การกรองซ้ำอีกเพียงเล็กน้อยและการเปิดรินไวน์ออกจากถังไม้โอ๊คอย่างแผ่วเบาเพื่อทดสอบกลิ่นรสเป็นครั้งคราวจะถูกกระทำเท่าที่มีความจำเป็นเพื่อเก็บรักษาคุณลักษณะเฉพาะของไวน์เอาไว้ ก่อนที่จะทำการบรรจุไวน์ซึ่งบ่มกลิ่นรสได้ที่ลงสู่ขวดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
|
ชั้นวางขวดไวน์.....อ่างเก็บน้ำ.....บ่อแบบโบราณ.....เคาน์เตอร์บาร์ |
|
บรรยากาศสบายๆ คล้ายๆ กับชนบทในประเทศฝรั่งเศส |
ทุก ๆ ปีในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวองุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตไวน์จากฝรั่งเศส “Jacques Bacou (ฌาค บาคู)” พร้อมทีมงานของเขาจะเดินทางมายังวิลเลจฟาร์มฯ เพื่อตรวจตรา ควบคุม ดูแลทั้งเรื่องการเก็บเกี่ยวและการผลิตไวน์ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าไวน์จากโรงบ่ม “Chateau des Brumes” ของวิลเลจฟาร์มฯ คือ ไวน์คุณภาพชั้นยอดระดับแนวหน้าของประเทศไทย
สำหรับผู้ซึ่งมีนโยบายส่วนตัว “ปฏิเสธการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” ทางวิลเลจฟาร์มฯ เขาฝากกระซิบมาว่าน่าจะลองชิม “น้ำองุ่น 100%” ที่วางขายอยู่ ณ จุดจำหน่ายสินค้าจากไร่บริเวณ “อาคารโรงนาเก่า (Village Old Barn)” ดูสักหน่อย รับรองรสชาติเข้มข้นถึงใจแน่นอน (ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมมีโอกาสได้ทดลองชิมมาแล้ว ขอบอกว่ารสชาติเข้มข้นมากจริงๆ ครับ)
“อาคารโรงนาเก่า (Village Old Barn)” คือ อาคารซึ่งถือได้ว่าเป็นแกนกลางหลักของวิลเลจฟาร์มฯ เป็นศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งร้านอาหาร , ร้านจำหน่ายสินค้า – ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากไร่ , ห้องสมุด , แผนกต้อนรับ รวมถึงห้องพักของวิลเลจฟาร์มฯ บางส่วนก็ล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่ภายในอาคารโรงนาเก่าหลังนี้
สถาปัตยกรรมของอาคารโรงนาเก่า (Village Old Barn) ถูกออกแบบให้มีความคล้ายคลึงใกล้เคียงกับอาคารโรงนาแบบดั้งเดิมในชนบทของประเทศฝรั่งเศส ใช้ไม้จริงประกอบขึ้นเป็นโครงสร้างต่างๆ เกือบทั้งหลัง พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในตัวอาคารเปิดโล่งรับสายลมเย็นที่พัดโชยโบกผ่านเข้ามาเป็นระยะๆ นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามานั่งปล่อยอารมณ์สบายๆ ท่ามกลางสายหมอกในยามเช้า รับประทานอาหารกลางวันไปพร้อมๆ กับชมทิวทัศน์อันงดงามของธรรมชาติที่รายล้อมรอบข้าง หรือจะดื่มด่ำไปกับไวน์ชั้นเลิศในขณะที่ละเลียดอาหารรสล้ำภายใต้แสงดาวอันสุกสกาวยามค่ำคืน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นทางเลือกซึ่งน่าจะช่วยให้คุณผ่อนคลายความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการงานที่รุมเร้ามาก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดี
|
จุดชมทิวทัศน์ความสูง 500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
กับ มุมพักผ่อนกลางแจ้งเล็กๆ |
นักท่องเที่ยวซึ่งต้องการจะสัมผัสกับบรรยากาศของไร่องุ่น – โรงผลิตไวน์สไตล์ฝรั่งเศสอย่างดูดดื่ม
และนอนหลับพักผ่อนไปพร้อมๆ กับสูดอากาศบริสุทธิ์ของแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก “อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา” จนชุ่มปอด ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) แนะนำว่าให้ใช้บริการ “Farm Stay” ของวิลเลจฟาร์มฯ ที่นี่เขามีห้องพักสวยๆ หลากรูปแบบหลายสไดล์ให้เลือก พร้อมชื่นใจยามแรกเข้าพักด้วยเครื่องดื่มต้อนรับเป็นน้ำองุ่นแท้ 100 % จากไร่ และบริการอาหารเช้า – ค่ำอีก 2 มื้อ (ฟรี !! บริการไวน์.....พร้อมอาหารมื้อค่ำ) นอกจากนี้หากเลือกเข้าพัก ณ วิลเลจฟาร์มฯ ในช่วงเวลาบ่ายวันเสาร์ นักท่องเที่ยวยังจะมีโอกาสได้เข้าร่วมโปรแกรมทดสอบไวน์ (Wine Tasting Program) ชนิดต่างๆ อีกด้วย
ในยุคสมัยปัจจุบันที่กิจวัตรประจำวันของผู้คนจำนวนมากเต็มไปด้วยเรื่องราวของการแข่งขันชิงดีชิงเด่น , ความเร่งรีบ และความเครียดจากการทำงานราวกับเครื่องจักร จนแทบจะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรื่นรมย์แห่งชีวิต คงจะดีไม่น้อยหากได้เดินทางไปพักผ่อนยังสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งช่วยให้คุณรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของธรรมชาติที่รายรอบ ได้ลองลิ้มชิมอาหารและเครื่องดื่มรสเลอเลิศล้ำ ได้จดจำวันคืนอันเนิบช้า ณ ห้วงเวลาสำคัญกับคนที่คุณรัก ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเชื่อว่า “วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)” อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา น่าจะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนทางเลือกซึ่งช่วยให้คุณสัมผัสได้ถึงความงดงามและความรื่นรมย์แห่งชีวิตอีกครั้ง
|
...............ความสวยงามภายในอาคารโรงนาเก่า (Village Old Barn)............... |
|
หัวใจของ "วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)" ตั้งอยู่ ณ อาคารหลังนี้ |
การเดินทางสู่วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery) :
รถยนต์ส่วนบุคคล จาก รพ.วังน้ำเขียว (ตั้งอยู่บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ประมาณ กม.ที่ 71 – 72) ขับรถมุ่งหน้าไปทาง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรีประมาณ 4 – 5 กม. พบสามแยกให้เลี้ยวซ้าย (ให้สังเกตว่าก่อนถึงทางแยกจะมีป้ายรีสอร์ทหลายแห่งปักอยู่บนไหล่ทาง รวมถึงมีป้าย “Village Farm & Winery” ชี้ไปทางซ้ายมือด้วย ทางแยกนี้จะตั้งอยู่ก่อนถึงทางแยกเข้าตลาดสินค้าชุมชนบ้านบุไผ่) ตรงไปเรื่อยๆ ผ่านเส้นทางลูกรังช่วงสั้นๆ ไม่ไกลนักก็จะถึง “วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่”
รถประจำทาง ไม่มีรถประจำทางวิ่งระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา นักท่องเที่ยวต้องเช่าเหมารถปิคอัพเที่ยวเอง
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงเวลาที่วิลเลจฟาร์มมีความสวยงามมากที่สุด คือ ปลายฤดูฝน – ต้นฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีเทศกาลไวน์และดนตรีฤดูหนาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน , เทศกาลปีใหม่ในวันที่ 31 ธันวาคม และเทศกาลเก็บเกี่ยวองุ่นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ด้วย
กรณีนักท่องเที่ยวต้องการจะเข้าร่วมโปรแกรมทดสอบไวน์ (ฟรี !! เฉพาะผู้ที่เข้าพัก ณ วิลเลจฟาร์มฯ) พร้อมเยี่ยมชมกระบวนการผลิตไวน์ในโรงบ่มสไตล์ฝรั่งเศส “Chateau des Brumes (ชาโต เดอ บรูมส์)” แนะนำว่าให้เลือกใช้บริการ “Farm Stay” และข้าพัก ณ วิลเลจฟาร์มฯ ในช่วงบ่ายวันเสาร์จะมีวิทยากรนำชมสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งบรรยายเรื่องราวน่ารู้ของไวน์ให้นักท่องเที่ยวฟังตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป (ในวันอาทิตย์ไม่มีโปรแกรมทดสอบไวน์ , ไม่มีการเปิดโรงบ่ม “Chateau des Brumes” และไม่มีวิทยากรนำชมสถานที่ต่างๆ ครับ)
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง : “Farm Stay” วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ , ไวน์กับผลต่อสุขภาพ
ขอขอบคุณ : เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องของวิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery) ทุกๆ ท่าน
หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเก็บข้อมูล “วิลเลจฟาร์ม แอนด์ ไวน์เนอรี่ (Village Farm & Winery)” เมื่อเดือน ก.พ. 2554
สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ในเขตจังหวัดนครราชสีมา
(กรุณาคลิ๊ก “ ชื่อสถานที่ท่องเที่ยว” เพื่อชมภาพถ่ายและข้อมูลของสถานที่แต่ละแห่งโดยละเอียด) |
อ.สีคิ้ว |
|
อ.เมือง |
|
อ.พิมาย |
|
อ.โชคชัย |
|
อ.ปากช่อง |
|
อ.ปักธงชัย |
|
อ.วังน้ำเขียว |
|
|