เกาะไข่ อ.เมือง จ.สตูล (ดูภาพด้านล่าง)
ว่ากันว่าหากใครมีโอกาสพาหวานใจมาท่องเที่ยวทะเล จ.สตูล และอยากให้ความรักมั่นคงยืนยาวล่ะก็ ต้องพาหวานใจมาลอด “ซุ้มรักนิรันดร (Lover’s Gate)” ที่ตั้งอยู่บน “เกาะไข่” สักครั้ง..........ซึ่งไม่ว่าเรื่องราวเล่าขานดังกล่าวข้างต้นจะมีมูลเหตุเท็จจริงประการใดก็ตาม ในปัจจุบันซุ้มประตูหินธรรมชาติแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวของ จ.สตูล ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เกาะไข่ จ.สตูล” เป็นเกาะขนาดเล็กซึ่งอยู่บนเส้นทางเดินเรือระหว่างเกาะตะรุเตา – เกาะหลีเป๊ะ ถึงแม้ว่าชื่อของ “เกาะไข่ จ.สตูล” แห่งนี้จะไปพ้องต้องกันกับชื่อของ “หมู่เกาะไข่ จ.พังงา” แต่ความจริงแล้วต่างก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวคนละแห่ง นักท่องเที่ยวซึ่งไม่เคยทราบข้อมูลเหล่านี้มาก่อนอาจเกิดความสับสนได้ ( “หมู่เกาะไข่ จ.พังงา” ประกอบไปด้วยเกาะสำคัญๆ 3 เกาะ คือ เกาะไข่ใน , เกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ย ส่วน “เกาะไข่ จ.สตูล” เป็นเกาะเดียวแยกออกมาเดี่ยวๆ สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกาะเหล่านี้ได้รับชื่อว่า “เกาะไข่” ก็เนื่องมาจากหาดทรายสีขาวนวลอมน้ำตาลอ่อนสวยงามคล้ายกับสีเปลือกไข่นั่นเองครับ) สำหรับเนื้อหาต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ภายในบทความชิ้นนี้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) จะขอกล่าวอ้างอิงถึงเฉพาะ “เกาะไข่ จ.สตูล” เท่านั้น
ซุ้มรักนิรันดร : สัญลักษณ์แห่งการท่องเที่ยวทะเล จ.สตูล
หากจะกล่าวถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้เกาะไข่ จ.สตูล มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวก็คงจะหนีไม่พ้น ทิวทัศน์ของซุ้มประตูหินธรรมชาติขนาดใหญ่ซึ่งเรียกกันว่า “ซุ้มรักนิรันดร” , “ซุ้มประตูแห่งรัก” หรือ “ซุ้มประตูแห่งคู่รัก” ที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ (จะเรียกชื่อซุ้มประตูหินธรรมชาติของเกาะไข่ จ.สตูล อย่างหนึ่งอย่างใดจากใน 3 แบบข้างต้นก็ไม่ถือว่าผิดครับ) ลักษณะของซุ้มรักนิรันดรเป็นซุ้มประตูหินโค้งขนาดใหญ่และเล็ก 2 ช่องวางเรียงตัวอยู่คู่กัน มีความเชื่อว่าหากใครพาคู่รักลอดเข้าประตูช่องหนึ่งแล้วลอดกลับออกมาทางอีกช่องหนึ่งจะได้พบกับความรักที่มั่นคง..........ยืนยาว คนบ้ากล้องมักจะไม่ยอมพลาดโอกาสในการถ่ายภาพงามๆ ณ ซุ้มประตูแห่งนี้
|
....................ซุ้มรักนิรันดร เกาะไข่ จ.สตูล....................
|
ใกล้ๆ กับซุ้มรักนิรันดรมีแผ่นไม้ขนาดใหญ่สลักบทกลอนอันไพเราะเอาไว้ด้วยใจความว่า “ประตูหินโค้ง...ตะรุเตา...สตูล จุดเพิ่มพูนตำนานรักหนุ่มสาว แดนประเดิมเสริมรักให้ยืนยาว สองเราก้าวสู่ประตู...รักนิรันดร” ทำให้ดูคล้ายว่าเกาะไข่แห่งนี้จะมีตำนานรักสุดแสนโรแมนติกอันเป็นที่มาของชื่อ “ซุ้มรักนิรันดร” แต่จากข้อมูลที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมได้ลองสืบค้นโดยการสอบถามกับประชาชนคนพื้นถิ่นกลับพบความเป็นจริงอันเรียบง่ายซึ่งอธิบายที่มาของชื่อ “ซุ้มรักนิรันดร” อย่างชัดเจนว่า มันถูกตั้งขึ้นเอาเองภายหลังเพื่อประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว จ.สตูล สมัยก่อนซุ้มประตูหินนี้ก็อยู่ของมันมาโดยไม่ได้มีชื่อเรียกใดๆ และไม่ได้มีตำนงตำนานอะไรเกี่ยวกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของหนุ่มๆ สาวๆ หรอก.........โอ๊ว.....ว....ว...ว..ว.........งงไหมล่ะนี่ ? ..........จากเรื่อง “รักโรแมนติก” กลับกลายเป็นเรื่อง “ฮา.....แตกซิก” ซะอย่างงั้น ? (ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมไม่ได้มีเจตนาที่จะดูถูก ดูหมิ่น หรือเหยียดหยามความเป็นมาของชื่อ “ซุ้มรักนิรันดร” และต้องกราบขออภัยหากทำให้ผู้ใดไม่พอใจเมื่อได้อ่านบทความชิ้นนี้ แต่จากข้อมูลที่พวกเราลองสอบถามกับคนท้องถิ่นหลายๆ คนก็ไม่ปรากฏความเป็นมาเกี่ยวกับชื่อ “ซุ้มรักนิรันดร” เลยแม้แต่น้อย จะมีก็แค่ผู้ซึ่งให้ข้อมูลในลักษณะที่ได้เขียนไว้ดังกล่าวข้างต้นเท่านั้นจริงๆ ครับ)
|
.........................หาดทรายฝั่งตะวันออก.........................
|
|
.........................หาดทรายฝั่งตะวันตก.........................
|
อย่างไรก็ตาม..........เกาะไข่ จ.สตูล ไม่ได้มีดีแค่ “ซุ้มรักนิรันดร” เท่านั้น หากแต่หาดทรายสีขาวอมน้ำตาลอ่อนเนื้อเนียนละเอียดดั่งผงแป้งและน้ำทะเลสีเขียวอมฟ้าใสราวกับมรกต รวมไปถึงความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังที่อยู่รายล้อมรอบเกาะก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมตัดสินใจเช่าเหมาเรือหางยาวจากเกาะหลีเป๊ะเดินทางมาสำรวจเกาะแห่งนี้กันโดยละเอียด
เหตุไฉนใยเจ้าจึงชื่อ “เกาะไข่” ?
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาเล่าให้พวกเราฟังว่า เหตุผลที่ทำให้เกาะแห่งนี้ได้ชื่อว่า “เกาะไข่” นั้นไม่ใช่เพราะสีของหาดทรายที่สวยงามคล้ายกับสีเปลือกไข่ แต่เนื่องจากในอดีตมักจะมีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่บนเกาะอยู่เป็นประจำ คนท้องถิ่นจึงมักจะเรียกเกาะแห่งนี้ด้วยความคุ้นเคยว่า “เกาะไข่” นั่นเอง
|
ไม้งาม.....น้ำใส.....ทรายสวย
|
|
วันหนึ่ง ณ "เกาะไข่ จ.สตูล"
|
เกาะเล็กๆ แต่มีความงดงามไม่น้อยเกาะไข่ จ.สตูล มีแนวหาดทรายที่ยาวและงดงามอยู่สองฟาก ได้แก่ หาดทรายทางฝั่งทิศตะวันตก (ฝั่งเดียวกันกับ “ซุ้มรักนิรันดร”) และหาดทรายทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหาดทรายทั้งสองฟากฝั่งนี้จะทอดตัวยาวมาบรรจบกันบริเวณเนินเขาหินทางด้านทิศใต้ของเกาะ หากลองปีนป่ายขึ้นไปบนเนินเขาหินเตี้ยๆ ลูกนี้แล้วมองย้อนกลับเข้าไปยังใจกลางเกาะไข่ก็จะสามารถมองเห็นแนวหาดทรายทั้งสองฝั่งที่ค่อยๆ โค้งเว้าเข้ามาบรรจบกันได้อย่างชัดเจน โดยปกติเรือเร็ว (speedboat) ในเส้นทาง “ปากบารา – เกาะตะรุเตา – เกาะหลีเป๊ะ” จะแวะมาจอดเทียบบริเวณชายหาดด้านทิศตะวันตกให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูป “ซุ้มรักนิรันดร” เป็นเวลาประมาณ 15 – 20 นาที แต่จะไม่ปล่อยให้นักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำ ใครที่อยากลองดำน้ำตื้นสำรวจความสวยงามของแนวปะการังรอบๆ เกาะไข่จะต้องเช่าเหมาเรือมาท่องเที่ยวเองแบบเป็นส่วนตัวเท่านั้น
|
.........................Happy Time.........................
|
นอกเหนือไปจากชายหาดยาวอันงดงามทางฝั่งทิศตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้แล้ว เกาะไข่ จ.สตูล ยังมีชายหาดเล็กๆ ที่เงียบสงบอยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะด้วย น่าเสียดายที่ชายหาดแห่งนี้ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่นัก ใครเช่าเหมาเรือมาท่องเที่ยวเกาะไข่และต้องการพักผ่อนในบรรยากาศซึ่งมีความเป็นส่วนตัวสูงอาจบอกให้เรือเข้าเทียบฝั่งบริเวณชายหาดเล็กๆ แห่งนี้ก็ได้
“ปลาสิงโต” กับ ประสบการณ์ดำน้ำตื้นสุดประทับใจ
หลังจากที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมใช้เวลาเดินสำรวจ ถ่ายภาพ และรับประทานอาหารกลางวันบนเกาะไข่อยู่ราวๆ 2 – 3 ชม. ก็ถึงคราออกลีลาโชว์ท่าพะยูนพุ้ยน้ำดำดิ่งลงค้นหาความงดงามภายใต้ท้องทะเลใสกันเสียที ถึงแม้ว่าพวกเราบางคนจะออกอาการเซ็งๆ ที่กล้องถ่ายภาพใต้น้ำเกิดชำรุดเสียหายขณะกำลังเก็บภาพถ่าย “หนอนฉัตร” บริเวณเกาะดงเมื่อ 1 วันก่อน แต่ก็ไม่มีใครยอมพลาดโอกาสลงดำน้ำตื้นรอบๆ เกาะไข่เลยแม้แต่คนเดียว
|
.........................By The Sea .........................
|
นายท้ายเรือลูกหลาน “ชาวอูรัก ลาโว้ย” ใช้เวลาล่องเรือวนเวียนไปมาเพื่อค้นหาจุดที่สามารถทิ้งสมอเรือลงได้อย่างเหมาะสมโดยไม่ก่อความเสียหายต่อแนวปะการังประมาณ 5 – 10 นาที แล้วจึงปล่อยให้พวกเราหย่อนบั้นท้ายลงทะเล ณ จุดดำน้ำตื้นด้านทิศตะวันตกของเกาะไข่ น่าแปลกที่จุดดำน้ำตื้นบริเวณนี้ไม่ค่อยมีปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง (หรือที่นักท่องเที่ยวทั่วไปมักจะเรียกกันว่าปลาเสือ) ซึ่งมักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ตามจุดดำน้ำยอดนิยมหลายๆ แห่ง แต่กลับมีปลาสีดำตัวยาวๆ ขนาด 10 – 20 ซม. รวมกันอยู่เป็นฝูงตามซอกหลืบของโขดหินใต้น้ำแทน (จริงๆ แล้วหากแนวปะการังบริเวณจุดดำน้ำมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร และไม่ค่อยพบปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลือง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้มีโอกาสได้พบเห็นปลาชนิดอื่นๆ ง่ายขึ้น เนื่องจากปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองเป็นปลาที่ไม่กลัวคน ชอบอยู่รวมตัวกันเป็นฝูง มีนิสัยก้าวร้าว และจะทำการขับไล่ปลาชนิดอื่นๆ ให้ออกไปจากอาณาเขตซึ่งตนเองหากินอยู่..........เพราะฉะนั้นการที่นักท่องเที่ยวรวมถึงมัคคุเทศก์นิยมนำเศษอาหาร/ขนมปังมาโปรยให้ปลาสลิดหินบั้งเขียวเหลืองกินโดยรู้เท่าไม่ถึงกาล ก็เป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งจะทำให้การพบเห็นปลาชนิดอื่นๆ ในบริเวณนั้นๆ เป็นไปได้ยากลำบากขึ้นครับ)
|
หากขึ้นไปยืนบนเนินหินด้านทิศใต้
จะสามารถมองเห็นเวิ้งอ่าวทั้งสองฟากของ "เกาะไข่ จ.สตูล" ได้อย่างชัดเจน
|
|
เวิ้งอ่าวฝั่งตะวันออกในมุมมองแบบกว้างไกลสุดสายตา
|
ปะการังที่พวกเราสังเกตเห็น ณ จุดดำน้ำตื้นด้านทิศตะวันตกของเกาะไข่นี้ ได้แก่ ปะการังโขด , ปะการังลายดอกไม้ , ปะการังผิวเกล็ดน้ำแข็ง ฯลฯ กระจายตัวกันอยู่ห่างๆ ไม่หนาแน่นและไม่อุดมสมบูรณ์เท่ากับแนวปะการังบริเวณหมู่เกาะอาดัง – ราวี , เกาะดง , เกาะผึ้ง และเกาะไผ่ แต่ในขณะที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมบางคนกำลังออกอาการเบื่อๆ เพราะความสวยงามของแนวปะการังยังไม่ถึงขั้นสาแก่ใจนั่นเอง “น้องอร (หนึ่งใน Webmaster คนสำคัญของท่องเที่ยวดอทคอม)” ซึ่งกำลังลอยคอขึ้นอืดอย่างเพลิดเพลินอยู่กลางทะเลก็เหลือบไปเห็น “ปลาสิงโตลายขวาง” กำลังสยายครีบอกแหวกว่ายอย่างสง่างามอยู่เหนือแนวโขดหินปะการังเบื้องล่าง !!
|
หาดทรายที่มีสีสวยราวกับเปลือกไข่
|
ด้วยเสียงร้องเรียกอันไพเราะราวกับโทรโข่งกระบอกแตกของ “น้องอร” ทำให้ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมที่แหวกว่ายกระจายตัวอยู่ตามทิศทางต่างๆ ค่อยๆ เคลื่อนย้ายมาชุมนุมกันเพื่อสังเกตการณ์เจ้าปลาสิงโตขนาดเขื่องตัวนี้..........เท่าที่พวกเราลองประเมินคราวๆ จากสายตาดูก็พบว่าความยาวจากหัวจรดหางของปลาสิงโตลายขวางที่ “น้องอร” ค้นพบ น่าจะมีขนาดไม่ต่ำกว่า 30 – 40 ซม. ซึ่งถือได้ว่าเป็นปลาสิงโตที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเปรียบเทียบกับปลาสิงโตที่พบเห็นอยู่ตามพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำต่างๆ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าทึ่งมากกว่าขนาดลำตัวของปลา ก็คือ เจ้าปลาสิงโตยักษ์ตัวนี้มีลวดลายเป็นแถบสีขาวเล็กๆ สลับกับแถบสีฟ้าอมเขียว !! (โดยปกติปลาสิงโตที่พบเห็นตามพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำส่วนใหญ่จะมีลวดลายเป็นแถบสีขาวสลับกับแถบสีน้ำตาลแดงครับ) นับว่าเป็นปลาสิงโตที่แปลกที่สุดเท่าที่พวกเราเคยเห็นมาเลยทีเดียว (ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมคาดว่าการที่ลวดลายแถบคาดของปลาสิงโตตัวนี้เป็นสีขาวสลับกับสีฟ้าอมเขียวก็เพื่อปรับตัวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของน้ำทะเลรอบข้างซึ่งมีความลึกเพียงแค่ 4 – 6 เมตรจากระดับพื้นผิวเท่านั้น)
|
หากลงดำน้ำแล้วสังเกตให้ดีๆ บางทีก็อาจได้พบปลาสิงโตด้วยนะ !!
|
|
.........................รอบๆ "เกาะไข่" .........................
|
ท่วงท่าลีลาการแหวกว่ายของปลาสิงโตลายขวางนั้นดูองอาจ.....สง่างามด้วยการสยายครีบอกออกกว้างแล้วใช้ครีบหางพัดโบกช้าๆ เพื่อเคลื่อนตัวไปข้างหน้าในลักษณะคล้ายกับเครื่องร่อน ถึงแม้จะมีผู้คนลอยตัวอยู่บนผิวน้ำเพื่อเฝ้าสังเกตแต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้าปลาสิงโตตัวนี้จะไม่รู้สึกยี่หระใดๆ ยังคงลอยตัวเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ราวกับราชาแห่งท้องทะเลผู้เย่อหยิ่ง..........เฮ้อ.....อ....อ...อ..อ..........ถ้ากล้องถ่ายภาพใต้น้ำไม่เจ๊งไปก่อนหน้านี้ พวกเราคงมีโอกาสได้เก็บบันทึกภาพช่วงเวลาอันน่าประทับใจสุดๆ ไปอวดให้ทุกๆ คนดูอย่างแน่นอน
..........ดวงตะวันเริ่มคล้อยลงต่ำในยามบ่ายแก่ๆ..........พวกเราดำผุดดำว่ายอยู่กลางท้องทะเลกว้างจนใกล้จะหมดแรง สายลมเริ่มเปลี่ยนทิศและโบกโบยถี่กระชั้นยิ่งขึ้น นายท้ายเรือเคยบอกกับพวกเราขณะนั่งเรือมาตั้งแต่ช่วงเช้าว่า ไม่แนะนำให้เล่นน้ำอยู่ที่เกาะไข่จนเย็นย่ำเพราะกลางท้องทะเลจะมีกระแสคลื่นลมรุนแรงจนทำให้เดินเรือได้ลำบาก ณ บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายคล้ายกำลังกระตุ้นเตือนให้พวกเราได้รับรู้ว่า.....ถึงเวลาต้องจำจากจรแล้ว..........ลาก่อนเกาะไข่ และ หวังว่าจะได้พบกันใหม่นะเจ้าปลาสิงโตยักษ์..........
โทรศัพท์ติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา : (074) 783 – 485 , (074) 783 – 597
ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกๆ ปี (ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน ของทุกๆ ปีเป็นช่วงปิดฤดูกาลท่องเที่ยว)
การเดินทางสู่เกาะไข่ สตูล :
เรือเร็ว โดยปกตินักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเร็ว (speedboat) ในเส้นทางปากบารา – เกาะตะรุเตา – เกาะหลีเป๊ะ จะได้ลงไปแวะถ่ายรูป ณ ซุ้มรักนิรันดรบนเกาะไข่ประมาณ 15 – 20 นาที ส่วนนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ (ferryboat) จะไม่มีโอกาสได้แวะลงไปยังเกาะไข่ เนื่องจากเรือเฟอรี่เป็นเรือขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าจอดเทียบบริเวณหาดทรายของเกาะได้ [มีบ้างบางกรณีที่นักท่องเที่ยวซึ่งซื้อตั๋วเรือเร็วจะไม่ได้แวะลงไปถ่ายรูปซุ้มรักนิรันดรบนเกาะไข่ เช่น นักท่องเที่ยวซื้อตั๋วเรือเร็วเดินทางในช่วงวันหยุดต่อเนื่องตามเทศกาลต่างๆ และผู้ประกอบการเลือกใช้เรือเร็วลำใหญ่ขนาด 50 ที่นั่งขึ้นไปทำให้เรือไม่สามารถเข้าจอดเทียบบริเวณชายหาดเกาะไข่ได้ หรือกรณีที่เรือเร็วลำนั้นๆ ไม่มีนักท่องเที่ยวซึ่งซื้อแพ็คเกจทัวร์ดำน้ำตื้นรอบเกาะหลีเป๊ะโดยสารมาด้วยเลยแม้แต่คนเดียว (มีแต่นักท่องเที่ยวที่ซื้อเฉพาะตั๋วเรือ) ผู้ประกอบการอาจจะไม่จอดเรือแวะให้ถ่ายรูปซุ้มรักนิรันดรก็เป็นได้ เพราะถือว่าราคาตั๋วเรือเร็วไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายในการแวะเที่ยวชมเกาะไข่อยู่ด้วย..........อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวมากกว่าร้อยละ 80 ที่ซื้อตั๋วเรือเร็วปากบารา – เกาะตะรุเตา – เกาะหลีเป๊ะจะมีโอกาสได้แวะลงไปถ่ายรูปซุ้มรักนิรันดรบนเกาะไข่ครับ (สรุป คือ ถ้าไม่ดวงแย่จริงๆ ปกติก็จะได้แวะถ่ายรูปบนเกาะไข่ค่อนข้างแน่นอนครับ)]
เรือหางยาว นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเหมาเรือหางยาวจากเกาะหลีเป๊ะมายังเกาะไข่ได้โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 – 1½ ชม. (ระยะทางจากเกาะหลีเป๊ะมายังเกาะไข่ประมาณ 25 – 30 กม.) ทั้งนี้ควรเชื่อฟังคำแนะนำของนายท้ายเรือเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากบางช่วงของวันจะมีกระแสคลื่นลมทะเลรุนแรงไม่เหมาะแก่การเดินทาง (บางวันก็อาจไม่สามารถเดินทางมายังเกาะไข่โดยเรือหางยาวได้เลยครับ)
เกาะสำคัญแห่งอื่นๆ ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา
(กรุณาคลิ๊ก “ ชื่อเกาะ” เพื่อชมภาพถ่ายและข้อมูลของแต่ละเกาะโดยละเอียด) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
หมายเหตุ : ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเก็บข้อมูล “เกาะไข่ สตูล” เมื่อเดือน ก.พ. 2554 ข้อมูลบางอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ในปัจจุบัน
|