คุ้มขันโตก

     เสน่ห์อันละมุนละไมของศิลปวัฒนธรรมแห่งอาณาจักรล้านนาเมื่อครั้งอดีตยังคงได้รับการสืบสานและถ่ายทอดจากบรรพชนมาสู่ลูกหลานชาวไทยในภาคเหนือรุ่นต่อรุ่น ทั้งเครื่องแต่งกายอันงดงาม มารยาทอันเรียบร้อยอ่อนหวาน อาหารรสละเมียดกลมกล่อม รวมไปถึงการแสดงและการละเล่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นซึ่งยากจะหาใครเหมือน.....ทั้งนี้.....หากคุณจะตั้งคำถามว่า แล้วคุณจะสามารถเดินทางมาสัมผัสกับเสน่ห์แห่งล้านนาที่ยังคงหลงเหลืออยู่เหล่านี้ได้จากสถานที่ใด ? ทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ขอแนะนำว่าเพียงแค่คุณเดินทางมารับประทานอาหารมื้อค่ำ ณ คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่ คุณก็สามารถจะสัมผัสถึงเสน่ห์อันน่าหลงใหลแห่งอาณาจักรล้านนาในแง่มุมต่างๆ ได้อย่างเกือบครบถ้วนกระบวนความ

หากคุณต้องการจะสัมผัสกับเสน่ห์อันละมุนละไมแห่งล้านนาให้ครบถ้วนเกือบทุกแง่มุม การมารับประทานอาหารมื้อค่ำ ณ คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่ คือ หนึ่งในทางเลือกที่เราขอแนะนำ

     คุ้มขันโตก : ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดใน จ.เชียงใหม่

     ถึงแม้ว่าใน จ.เชียงใหม่ จะไม่ได้มีร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกอยู่เพียงแค่แห่งเดียว (เท่าที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมลองนับๆ ดู.....พบว่ามีร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกใน จ.เชียงใหม่ อยู่ไม่ต่ำกว่า 3 – 4 แห่งครับ) แต่หากจะพูดถึงร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญและมีผู้คนรู้จักมากที่สุดใน จ.เชียงใหม่ ก็เห็นทีจะหนีไม่พ้นร้าน “คุ้มขันโตก” เป็นแน่แท้

.........................มุมถ่ายรูปน่ารักๆ ที่มีให้พบเห็นได้ทั่วไป.........................

....................สถาปัตยกรรมแบบไทยๆ ท่ามกลางความร่มรื่นของมวลหมู่แมกไม้....................

     “คุ้มขันโตก” เป็นร้านอาหารซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายและบรรยากาศแบบล้านนาไทย เปิดให้บริการมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2543 โดยมีผู้ก่อตั้งคนสำคัญ คือ “คุณวัชระ ตันตรานนท์” .....ในครั้งนั้น.....ด้วยความสำนึกของคุณวัชระที่ต้องการจะสร้างชื่อเสียงและความเจริญให้เกิดขึ้นแก่ จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณแผ่นดินเกิด (คุณวัชระ ตันตรานนท์เป็นชาวเมืองเชียงใหม่โดยกำเนิด) กอปรกับความรู้สึกที่ต้องการจะอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านของอาณาจักรล้านนาไว้ไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา คุณวัชระจึงได้ตัดสินใจใช้ “ร้านอาหาร” และ “ประเพณีการเลี้ยงขันโตก” เป็นเครื่องมือในการบรรลุสู่วัตถุประสงค์ดังกล่าว

..........บุฟเฟ่ต์มื้อค่ำภายใน "ลานขันโตก" จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 18.30 น.เป็นต้นไป..........

.........................เบื้องหน้าเวทีการแสดงภายใต้แสงสนธยา.........................

     ประเพณีการเลี้ยงขันโตก : เสน่ห์แห่งล้านนาไทย

     เมื่อกล่าวถึง “อาณาจักรล้านนา” ก็ย่อมจะหมายถึง ดินแดนที่มีผืนนานับล้านหรือมีผืนนาเป็นจำนวนมาก จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์บางชิ้นกล่าวไว้ว่า .....ในอดีต.....อาณาจักรล้านนามีขอบเขตทางด้านทิศเหนือนับตั้งแต่เมืองเชียงรุ่งของประเทศจีน (คนจีนในปัจจุบันเรียกว่า “เมืองจิ่งหง”) ยาวเรื่อยลงมาจรดด้านทิศใต้ที่เมืองตาก มีอาณาเขตทางด้านทิศตะวันตกลึกเข้าไปทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสาละวินและอาณาเขตทางด้านทิศตะวันออกยาวจรดฝั่งตะวันตกของแม่น้ำโขง โดยมีเมือง “นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่” เป็นราชธานี .....เมื่อครั้งนั้น.....อาณาจักรล้านนายังเคยมีภาษา ตัวอักษร วัฒนธรรมและประเพณีเป็นของตนเอง แต่ต่อมาถูกปกครองในฐานะรัฐบรรณาการของอาณาจักรตองอู อาณาจักรอังวะ และอาณาจักรอยุธยา จนสิ้นสุดสภาพของความเป็นอาณาจักรไป

..................................ภาพถ่ายยามราตรีที่น่าจดจำ....................................

..........ใครไม่อยากนั่งรับประทานอาหารบนพื้นลาน คุ้มขันโตก ก็มีโต๊ะนั่งห้อยขาให้บริการนะ..........

     .....อย่างไรก็ตาม.....ลูกหลานของชาวล้านนาที่ยังคงตั้งรกรากอยู่ทางตอนเหนือของประเทศไทยก็ได้สืบสานภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรมของบรรพบุรุษบางส่วนต่อมาจวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้.....ซึ่ง “ประเพณีการเลี้ยงขันโตก” ก็นับเป็นอีกหนึ่งมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาวไทยล้านนาที่ใช้เพื่อแสดงน้ำใจไมตรีและแสดงถึงความยินดีที่มีโอกาสได้ต้อนรับ อีกทั้งยังถือเป็นการให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยือนด้วย.....ปัจจุบัน.....ประเพณีการเลี้ยงขันโตกหลายๆ แห่งได้ถูกพัฒนาปรับปรุงให้เป็นมากกว่าเพียงแค่การเลี้ยงอาหารธรรมดาๆ โดยนิยมจัดประเพณีการเลี้ยงขันโตกขึ้นในสถานที่ซึ่งตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามด้วยตุง โคมไฟล้านนา และชิ้นงานศิลปหัตถกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคเหนือ มีการบรรเลงดนตรี การละเล่น การแสดงท้องถิ่นควบคู่ไปกับการรับประทานอาหาร.....นับเป็นการรวบรวมเอาศิลปวัฒนธรรมอันทรงเสน่ห์หลากหลายแขนงของชาวไทยล้านนามาใช้สร้างความบันเทิงให้แก่เหล่าอาคันตุกะได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว

........................ยินดีต้อนรับสู่ คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่ เจ้า......................... (บรรยากาศบริเวณจุดรับ Welcome Drink ด้านหน้าคุ้มขันโตก)

...................................สามัคคีชุมนุม กลุ่มศิลปินคนเมือง...................................

     ขันโตก คือ อะไร ?

     .....เขียนเนื้อหามาซะยืดยาว แต่ผู้อ่านบางท่านก็อาจจะยังงงๆ อยู่ว่าแล้ว “ขันโตก” นี่คืออะไรกันล่ะ ? เพราะฉะนั้นก่อนที่ทีมงานเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอมจะพาทุกๆ ท่านไปแนะนำให้รู้จักกับสถานที่และบริการต่างๆ ของ “คุ้มขันโตก” ในย่อหน้าถัดๆ ไป พวกเราจะขออนุญาตกล่าวถึงเรื่องราวของ “ขันโตก” ไว้โดยสังเขปดังนี้.....

     ขันโตก คือ ภาชนะลักษณะกลมเหมือนถาดใช้วางสำรับอาหาร มีฐานตั้งยกสูงขึ้นเรียกว่าเชิง ขันโตกเป็นภาชนะที่นิยมใช้กันในแถบภาคเหนือของประเทศไทยซึ่งเป็นถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวล้านนา บางครั้งคนเหนือก็จะเรียกขันโตกว่า “โตก” หรือ “สะโตก” ขันโตกส่วนใหญ่ทำมาจากไม้สักนำมากลึงให้ได้รูป เสร็จแล้วก็ทำเชิงเข้ารับเป็นฐาน ขั้นตอนสุดท้ายจึงนำมาลงชาด เมื่อชาดแห้งแล้วก็นำมาใส่สำรับอาหารได้

...............จะมีใครอยากทดลองสวมบทบาทของสาวล้านนาผู้อ่อนหวานบ้างไหมหนอ ?...............

...................................ค่ำคืนที่ "ข่วงคนเมือง"...................................

     คนไทยล้านนาภาคเหนือในอดีตนิยมนั่งรับประทานอาหารบนพื้น เมื่อแม่บ้านปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อยก็จะตระเตรียมกับข้าวกับปลาจัดใส่ถ้วยแล้ววางเรียงลงในโตก แล้วจึงยกโตกออกมาตั้ง เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยก็จะยกสำรับกลับไปเก็บทั้งโตก เราจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าการใช้ “ขันโตก” ของชาวล้านนานั้นเป็นภูมิปัญญาที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ทั้งในการตั้งสำรับและเก็บสำรับอาหาร รวมถึงช่วยให้การนั่งรับประทานอาหารบนพื้นมีความสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

....................หลากหลายมุมที่ คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่....................

.........................บางส่วนของความงดงามแห่งล้านนา.........................

     สถานที่และบริการของคุ้มขันโตก

      นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะรู้จัก “คุ้มขันโตก” ในฐานะของ “ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของ จ.เชียงใหม่” แต่ในความเป็นจริงแล้ว “คุ้มขันโตก” ก็ยังคงมีพื้นที่ซึ่งตระเตรียมไว้สำหรับให้บริการอาหารประเภทอื่นๆ แก่นักท่องเที่ยวนอกเหนือไปจากอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกมื้อค่ำด้วย สำหรับข้อมูลในช่วงต่อไปเราจะได้ทำความรู้จักกับสถานที่และบริการทั้งหมดของ “คุ้มขันโตก” ไปพร้อมๆ กัน

.........................เมื่อไหร่จะได้เวลาหม่ำน้า ?.........................

     1. บุฟเฟ่ต์ขันโตกมื้อค่ำพร้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย : นี่คือบริการที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ “คุ้มขันโตก” จนโด่งดังเป็นที่รู้จักทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ.....บุฟเฟ่ต์ขันโตกมื้อค่ำเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 18.30 น. ณ “ลานขันโตก” ลานโล่งซึ่งจัดที่นั่งบนพื้นตามลักษณะการนั่งรับประทานอาหารของชาวไทยล้านนาสมัยเก่า ปูรองที่นั่งด้วยเบาะนุ่ม มีหมอนอิงรูปสามเหลี่ยมวางเคียงข้างเพื่อให้เหล่าบรรดาอาคันตุกะผ่อนคลายอิริยาบถได้อย่างสบาย สองฟากฝั่งของลานขันโตกจัดสร้างเป็นคุ้มไม้ 4 หลัง ภายในคุ้มเป็นที่นั่งแบบหย่อนเท้าใช้รับรองนักท่องเที่ยวที่ไม่สะดวกนั่งบนพื้น ด้านทิศตะวันออกของลานขันโตกเป็นเวทีการแสดงยกพื้นสูงมีวงดนตรีไทยคอยบรรเลงเพลงขับกล่อมเหล่าแขกผู้มาเยือน ส่วนกึ่งกลางลานขันโตกใช้เป็นพื้นที่แสดงนาฏศิลป์ไทย (กรณีฝนตกจะไม่มีการจัดที่นั่งบนพื้นในลานขันโตก แต่จะใช้พื้นที่นั่งรับประทานอาหารและชมการแสดงภายใน “เรือนไทยพลับพลา” หรือ “คุ้มคำ” โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับของคุ้มขันโตกจะพิจารณาจัดสถานที่ตามจำนวนนักท่องเที่ยวในวันนั้นๆ อีกครั้งหนึ่งครับ) ลานขันโตกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุดถึง 800 คน

....................เครื่องดนตรี.....เวที.....ราตรี และ แสงไฟ....................

......................... โหมโรง..........บรรเลง.........................

     การแสดงนาฏศิลป์ไทยของคุ้มขันโตกจะเริ่มต้นขึ้นในเวลา 19.45 น.(สามารถนั่งรับประทานอาหารไปพร้อมๆ กับชมการแสดงได้เลยครับ) และจบลงในเวลา 21.00 น. โดยมีการแสดงรวมด้วยกันทั้งหมด 9 ชุด ได้แก่

     ขบวนแห่ปูรณฆฏะบูชาสะโตกคำและฟ้อนเล็บ : “ปูรณฆฏะ” มาจากคำภาษาบาลีมีความหมายว่า “กระทำให้เต็มสมบูรณ์”.....ในวัฒนธรรมของชาวล้านนาจะใช้หม้อ คนโท หรือกระถางใส่น้ำแล้วปักดอกไม้นานาชนิดไว้ภายในใช้บูชาพระหรือประดับไว้ตามสถานที่ต่างๆ เรียกว่า “หม้อปูรณฆฏะ” โดยเชื่อว่าเป็นเครื่องรางที่จะนำพาความเยือกเย็น ความเป็นสิริมงคล และความอุดมสมบูรณ์มาให้ (บางครั้งจะปรากฏ “หม้อปูรณฆฏะ” เป็นภาพวาดจิตรกรรมตามฝาผนังวัดและโบราณสถานหลายแห่ง จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายชิ้นบ่งชี้ว่าคติเรื่องสัญลักษณ์ “ปูรณฆฏะ” มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศอินเดีย – ศรีลังกา).....“ขบวนแห่ปูรณฆฏะบูชาสะโตกคำและฟ้อนเล็บ” จึงเป็นการนำเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนารวมถึงความปรารถนาดีของชาวคุ้มขันโตก มาแสดงแทนคำอวยพรต่อเหล่าบรรดาผู้มีอุปการคุณทุกๆ ท่าน

.........................รัตติกาล ณ คุ้มขันโตก.........................

...................................สามสาวล้านนา...................................

     ฟ้อนกิ่งกะหล่า : จากการละเล่นในประเพณี “ปอยอ่องจ้อด” ของชาวไทใหญ่อันงดงาม ถูกนำมาถ่ายทอดสู่เวทีการแสดงของคุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่.....“ฟ้อนกิ่งกะหล่า” นับเป็นอีกหนึ่งผลงานนาฏศิลป์ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของภาคเหนือและยากจะหาดูชมได้จากสถานที่แห่งอื่นๆ (คำว่า “กิ่งกะหล่า” เป็นคำภาษาไทใหญ่ซึ่งกลายเสียงมาจากคำว่า “กินร” ในภาษาบาลี.....เดิมทีชาวไทใหญ่เคยตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในประเทศพม่า ซึ่งคำ “กินร” หากอ่านเรียงพยางค์ตามลักษณะของภาษาบาลีโดยใช้สำเนียงพม่าก็จะออกเสียงว่า “กิ่ง-นะ-หล่า” ครั้นเมื่อเวลาผ่านไปชาวไทใหญ่จึงค่อยๆ อ่านออกเสียงคำดังกล่าวเพี้ยนไปจนกลายเป็น “กิ่งกะหล่า” ในที่สุด.....การฟ้อนกิ่งกะหล่าเป็นการละเล่นของชาวไทใหญ่ซึ่งใช้เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในพุทธประวัติตอนโลกวิวรณปาฏิหาริย์ บางคนก็อาจเรียกการฟ้อนกิ่งกะหล่าด้วยภาษาง่ายๆว่า “ฟ้อนนก”)

...................................จุดนัดพบ...................................

..............................สามล้อ รอรัก..............................

     การแสดงกลองสะบัดชัย : “กลองสะบัดชัย” เป็นกลองที่ถือกำเนิดขึ้นมานานแล้วหลายศตวรรษ ในอดีตยามศึกสงครามกลองสะบัดชัยจะถูกใช้ตีเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและส่งสัญญาณต่างๆ ให้แก่พลรบ ส่วนยามสงบกลองสะบัดชัยก็จะถูกใช้ตีประโคมเพื่อสร้างความสนุกสนานรื่นเริงให้แก่ผู้คนในงานมหรสพ โดยปกติผู้ตีกลองสะบัดชัยจะใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้งศีรษะ มือ ศอก เข่า ร่วมในการตีกลองด้วย ทำให้เกิดลักษณะลีลาอันโลดโผนเร้าใจ นับเป็นอีกหนึ่งการแสดงพื้นบ้านของล้านนาไทยที่คุณสามารถหาชมได้ ณ คุ้มขันโตก จ.เชียงใหม่

     ฟ้อนที : นี่คือศิลปะการฟ้อนรำที่นำเอาร่มมาเป็นส่วนประกอบ (คำว่า “ที” ในภาษาไตหมายถึง “ร่ม”) เป็นการแสดงซึ่งสะท้อนถึงเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตอันเรียบง่ายและงดงามตามประสาคนเมือง

...............หัตถกรรม ทำมือ และ สินค้าที่ระลึกของ จ.เชียงใหม่...............

.........................แม่ค้าก้มหน้า กับ เสื้อผ้าเต็มแผง.........................

     โขน (ตอนจับนาง) : ถึงแม้ว่า “โขน” จะไม่ใช่การแสดงอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยล้านนา แต่คุ้มขันโตกก็ได้เล็งเห็นว่าโขนเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงที่รวบรวมเอาศิลปวัฒนธรรมอันทรงค่าหลากหลายแขนงของบรรพบุรุษไทยเข้ามาไว้ด้วยกัน สมควรแก่การเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักทั้งในหมู่ชาวไทยและชาวต่างชาติ.....ด้วยเหตุนี้.....คุ้มขันโตกจึงได้เลือกหยิบยกเรื่องราวบางส่วนจากวรรณคดีไทยเลื่องชื่อ “รามเกียรติ์” ตอนที่หนุมานตามจับนางสุพรรณมัจฉา มานำเสนอในรูปแบบของ “โขน (ตอนจับนาง)” เพื่อสร้างความบันเทิงให้แก่เหล่าบรรดาอาคันตุกะไปพร้อมๆ กับการมอบโอกาสให้พวกเขาได้สัมผัสถึงเศษเสี้ยวหนึ่งของมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สืบทอดต่อกันมาจากอดีตกาล

      ระบำชาวเขา 4 เผ่า : จากการละเล่นในวันปีใหม่ของชาวเขาเผ่าม้ง เย้า อาข่า และลีซอ ดัดแปลงมาสู่ระบำชาวเขา 4 เผ่าของคุ้มขันโตก นี่คือการแสดงที่เต็มไปด้วยความสดใสครื้นเครงและเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา

คุ้มขันโตก เขามีบริการทั้ง "อาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกแบบปกติ" รวมไปถึง "บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารมังสวิรัติ" และ "บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารฮาลาล" เลยนะ !

"ขบวนแห่ปูรณฆฏะบูชาสะโตกคำและฟ้อนเล็บ" เป็นการแสดงเปิด ซึ่งนำเอาศิลปวัฒนธรรมของล้านนาและความปรารถนาดีของชาวคุ้มขันโตกมาหลอมรวมกัน

     ฟ้อนตาว : หรือเรียกง่ายๆ ในภาษากลางว่า “ฟ้อนดาบ” เป็นศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวที่ชาวล้านนาภาคภูมิใจ ในการแสดงนี้คุ้มขันโตกจะนำเสนอท่าฟ้อนที่รวดเร็ว คล่องตัว ฉับไว แต่แฝงไว้ด้วยความอ่อนช้อยงดงาม และสุดท้ายก่อนที่การแสดงฟ้อนตาวจะจบลง คุณจะต้องตกตะลึงไปกับท่ากลิ้งตัวทับคมดาบของนักแสดงหนุ่มผู้หาญกล้า

      เซิ้งกะโป๋ : คือ การละเล่นหยอกล้อระหว่างหนุ่มสาวชาวอีสานที่ใช้กะลามะพร้าวเป็นเครื่องประกอบจังหวะ (ในภาษาอีสานคำว่า “กะโป๋” หมายถึง “กะลามะพร้าว”) เป็นอีกหนึ่งการแสดงที่มีลีลาสนุกสนานเร้าใจ

      รำวง : ทุกๆ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา และนี่ก็คือการแสดงปิดท้ายยามค่ำคืนของคุ้มขันโตกโดยท่านผู้มีอุปการคุณจะมีโอกาสได้ออกมาร่วมร่ายรำตามท่วงทำนองจังหวะดนตรีไทยไปพร้อมๆ กับเหล่านักแสดงเพื่อสร้างความทรงจำอันน่าประทับใจไม่รู้ลืม

....................เสน่ห์อันน่าประทับใจแห่ง จ.เชียงใหม่....................

"เชิ้งกะโป๋" คือ การละเล่นหยอกล้อระหว่างหนุ่มสาวชาวอีสาน ที่ใช้กะลามะพร้าวเป็นเครื่องประกอบจังหวะ

     สำหรับรายการอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกมื้อค่ำที่มีให้บริการตามปกติ ได้แก่ แกงฮังเลหมู ไก่ทอด แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ผักลวก ผัดผักรวม ซุปใส หมี่กรอบ กล้วยทอด ข้าวนึ่ง(ข้าวเหนียว) ข้าวสวย และผลไม้สดตามฤดูกาล.....แต่หากอาคันตุกะท่านใดไม่รับประทานเนื้อสัตว์หรือเป็นพี่น้องชาวมุสลิม คุ้มขันโตกก็ยังมี “บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารมังสวิรัติ” และ “บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารฮาลาล” ให้บริการด้วย (“บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารมังสวิรัติ” จะใช้โปรตีนเกษตรและฟองเต้าหู้เป็นวัตถุดิบทดแทนเนื้อสัตว์.....ส่วน “บุฟเฟ่ต์ขันโตกอาหารฮาลาล” จะใช้เนื้อไก่และฟองเต้าหู้ทดแทนวัตถุดิบที่พี่น้องชาวมุสลิมไม่สามารถรับประทานได้ตามหลักศาสนาครับ)

...............การแสดง "ฟ้อนตาว" หรือ "ฟ้อนดาบ" อันน่าหวาดเสียว...............

...............ศิลปะการต่อสู้โบราณที่ยังคงได้รับการสืบทอดมาจวบจนทุกวันนี้...............

    2. a la carte มื้อค่ำ ณ เรือนไทยพลับพลา : นี่เป็นบริการทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเลือกสั่งอาหารตามรายการมารับประทาน.....ทั้งนี้.....คุ้มขันโตกยังได้จัดนักร้องและนักดนตรีมืออาชีพไว้คอยบรรเลงเพลงขับกล่อมคุณตลอดมื้ออาหารด้วย เรือนไทยพลับพลาเปิดให้บริการอาหาร a la carte มื้อค่ำในบรรยากาศสุดโรแมนติกทุกวันตั้งแต่เวลา 18.30 – 22.30 น. สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 160 ท่าน

     3. บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติมื้อกลางวัน ณ เรือนไทยพลับพลา : ใครที่คิดว่าคุ้มขันโตกมีดีเพียงแค่บริการอาหารมื้อค่ำ ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) แนะนำให้ทดลองมารับประทานอาหารมื้อกลางวันแบบอิ่มไม่อั้น ณ เรือนไทยพลับพลาดูสักครั้ง ที่นี่เขามีทั้งอาหารพื้นเมืองท้องถิ่นของภาคเหนือ อาหารไทยโบราณ อาหารยุโรป อาหารญี่ปุ่น ขนมหวาน และผลไม้สดตามฤดูกาล.....เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 11.00 – 14.00 น.

.........................ลีลาอันอ่อนช้อย.........................

....................การแสดงโขน (ตอนจับนาง) ณ ลานขันโตก....................

    4. Set Menu สำหรับกลุ่มประชุมสัมมนาและงานเลี้ยง : เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ คุ้มขันโตกจึงได้ตระเตรียมรายการอาหาร Set Menu ไว้ถึง 6 รูปแบบสำหรับกลุ่มผู้ร่วมประชุมสัมมนาและผู้ที่ต้องการจะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์อย่างเป็นส่วนตัวในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย.....ทั้งนี้.....คุ้มขันโตกจะเลือกใช้สถานที่ต่างๆ โดยรอบบริเวณจัดงานเลี้ยงตามความเหมาะสมของปริมาณนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มตามรายละเอียดทางด้านล่าง


     ห้องลีลาวดี : เป็นห้องกระจกขนาดเล็กติดตั้งเครื่องปรับอากาศห้อมล้อมด้วยต้นไม้ภายในสวน ให้บรรยากาศที่อบอุ่นเป็นส่วนตัว สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 50 – 60 ที่นั่ง

.........."ฟ้อนที" คือ หนึ่งในการแสดงอันเป็นเอกลักษณ์ของ คุ้มขันโตก..........

...............ท่วงทำนองอันตื่นเต้นเร้าใจของ "กลองสะบัดชัย"...............

     ลานกล้วยไม้ : สวนสวยภายในคุ้มขันโตกซึ่งเต็มไปด้วยกล้วยไม้นานาพรรณ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกจำลองที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและส่งเสริมทัศนียภาพโดยรอบบริเวณให้มีความงดงามมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับกลุ่มที่ต้องการจะจัดงานเลี้ยงส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติ ลานกล้วยไม้สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ราว 80 ที่นั่ง

     เรือนไทยพลับพลา : โดยปกติแล้วเรือนไทยพลับพลาจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดบริการอาหารบุฟเฟ่ต์มื้อกลางวันและบริการอาหาร a la carte มื้อค่ำ.....ยกเว้นในกรณีที่นักท่องเที่ยวกลุ่มใดต้องการจะเช่าเหมาพื้นที่เพื่องานสังสรรค์เฉพาะกลุ่ม คุ้มขันโตกก็พร้อมจะจัดพื้นที่บริการให้ใหม่สำหรับรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 160 ที่นั่ง

      ข่วงคนเมือง : คุ้มขันโตกขอเชิญชวนคุณมารำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งอดีต ด้วยการจำลองบรรยากาศการค้าขายในยุคเก่าเอาไว้ ณ ข่วงคนเมือง.....ที่นี่.....คุณจะได้เดินเลือกจับจ่ายซื้อหาสินค้าที่ระลึกจากฝีมือคนเมืองหลากหลายรายการ แต่หากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดต้องการจะใช้พื้นที่เพื่อจัดงานเลี้ยงเฉพาะกลุ่ม คุ้มขันโตกก็พร้อมจะปรับเปลี่ยนข่วงคนเมืองให้กลายเป็นลานกว้างซึ่งรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้สูงสุดถึง 350 ที่นั่ง

เพื่อความปลอดภัยในการสัญจรทางอากาศ ..........ปัจจุบัน.....คุ้มขันโตก จึงได้งดการจำหน่ายโคมลอยยี่เป็งแล้ว..........

    ลานขันโตก : ลานกว้างที่สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 800 ที่นั่ง.....ในยามปกติ “ลานขันโตก” จะถูกใช้เพื่อจัดบริการอาหารบุฟเฟ่ต์ขันโตกมื้อค่ำพร้อมการแสดงนาฏศิลป์ไทย หากนักท่องเที่ยวกลุ่มใดต้องการจะใช้ “ลานขันโตก” เพื่อกิจกรรมสังสรรค์ส่วนตัวก็มีทางเลือกเพียงแค่ต้องเช่าเหมาพื้นที่ลานแห่งนี้ทั้งหมดเท่านั้น

     ถ่ายภาพ & เขียนบทความโดย : ตฤณ ณ อัมพร
     เรียบเรียงโดย : อรชร ลลิตผสาน
     สนับสนุนข้อมูลอ้างอิงโดย : คุ้มขันโตก

     สงวนลิขสิทธิ์โดย : เว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com)

     รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับการจองบัตรคุ้มขันโตก ราคาพิเศษ

     เงื่อนไขการจอง และการชำระเงิน

     1. บริการจองบัตรคุ้มขันโตก ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษนี้ จัดให้เฉพาะผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ท่องเที่ยวดอทคอมซึ่งติดต่อจองล่วงหน้าตามเงื่อนไขด้านล่างต่อไปนี้และมีผลตั้งแต่วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น
     2. ต้องสำรองบัตรคุ้มขันโตก ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษล่วงหน้าเป็นเวลาอย่างน้อย 2 วัน ในช่วงวันทำการปกติ (และล่วงหน้าอย่างน้อย 5 - 7 วัน ในช่วงวันหยุดต่อเนื่อง หรือช่วงเทศกาล)
     3. โทรศัพท์สอบถามการสำรองบัตรคุ้มขันโตก ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษ ตามเบอร์ติดต่อ (094) 236-3295 , (094) 519-3645 , (094) 251-9214
     4. กรณีต้องการสำรองบัตรคุ้มขันโตก ราคาถูก/ราคาประหยัด/ราคาพิเศษ กรุณาชำระค่าใช้จ่ายเต็มจำนวนตามจำนวนท่าน และประเภทบัตรซึ่งท่านได้สำรองไว้ (ชำระค่าใช้จ่ายตามราคาโปรโมชั่นในตาราง ไม่ใช่ตามราคาปกติในวงเล็บค่ะ) ภายใน 2 วัน หลังจากติดต่อสำรองบัตร (และต้องชำระค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อยก่อนวันเดินทางจริงล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ในกรณีวันทำการปกติ หรือชำระค่าใช้จ่ายเพื่อสำรองบัตรคุ้มขันโตก ให้เรียบร้อยก่อนวันที่เดินทางจริงล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วันในกรณีวันหยุดต่อเนื่องหรือวันหยุดช่วงเทศกาล) โดยโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้เท่านั้น
   

     การชำระเงิน     โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารด้านล่างนี้เท่านั้น

......................แผนที่คุ้มขันโตก......................

     การเดินทางสู่คุ้มขันโตก

     “คุ้มขันโตก” ตั้งอยู่ในโครงการ “เชียงใหม่ บิสสิเนส พาร์ค (Chiangmai Business Park)” ริมถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ – ลำปาง เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในโครงการแล้ว “คุ้มขันโตก” จะตั้งอยู่ในซอยหลังห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า (กรุณาดูแผนที่ประกอบความเข้าใจครับ)

     หมายเหตุ  ราคานี้มีผลตั้งแต่ วันนี้ - 31 ตุลาคม 2563 เท่านั้น

     ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง >> : ที่พัก/โรงแรม/รีสอร์ท ในจ.เชียงใหม่